อย่างนี้เรียกว่า มีสติ ไหมครับ

 
kukeart
วันที่  9 มิ.ย. 2559
หมายเลข  27866
อ่าน  972

จากที่ได้ฟังธรรมจากท่านอาจารย์ มาหลายเดือน ผมมีคำถามเรื่อง สติ หน่อยครับ คือว่า ขณะที่รับประทานอาหาร ผมเริ่มมีการระลึกถึง ความแข็ง นิ่ม ร้อน เย็น ของสิ่งที่กระทบลิ้น //ขณะที่เล่น มือถือ ระลึก ถึง ความแข็ง //ขณะ เห็นสิ่งต่างๆ เช่น เห็นรถยนต์สวยๆ ก็ระลึก ว่า เป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็น (ลดความติดข้องไปได้บ้าง) อย่างนี้เป็นต้น (ซึ่งก็นานๆ ระลึกซักที ส่วนมากจะเป็นการหลงลืมซะมากกว่า) สิ่งที่ผมระลึกอยู่นี้ เรียกว่า มีสติไหมครับ แล้วถึงขั้น สติปัฏฐาน หรือไหมครับ

นอกจากนี้ ก็รู้ว่ากำลังมีบางอย่างอยู่ในใจ เช่น ความขุ่นเคืองใจ,ความไม่สบายใจ,คิดมาก, ความกลัว,ความจำได้,ความชอบหรือไม่ชอบ และอื่นๆ // ซึ่งการรู้ว่ามีสิ่งเหล่านี้ อยู่ในใจจริงๆ ก็เกิดจากการฟังพระธรรม จนเกิดปัญญาจากการฟัง นั้นเองครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 9 มิ.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้ามีคำถามว่า ใช่ไหม อย่างไร ก็แสดงว่า ไม่ใช่ปัญญา เพราะ ไม่ใช่ปัญญาความเห็นถูกของตนเอง เพราะฉะนั้น การเข้าใจถูก ที่เป็นสติปัฏฐาน สติเกิดย่อมรู้ความจริงของสภาพธรรม ปัญญาที่เข้าใจถูกตัวธรรมในขณะนั้น ไม่สงสัยในขณะนั้น จึงจะเป็นปัญญา ครับ หนทางการอบรมปัญญายาก แสนยาก ไม่ง่ายขนาดนั้น ที่จะเป็นสติเกิดง่ายๆ หากแต่ว่า เป็นผู้ฟังพระธรรมไม่ประมาท และฟังพระธรรมต่อไป เพราะ หนทางนี้เป็นทางที่ยาวไกล จิรกาลภาวนา ดั่งที่ พระอริยสาวก อบรมปัญญาอย่างยาวนาน นับชาติไม่ถ้วน ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
peem
วันที่ 9 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kukeart
วันที่ 9 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
kukeart
วันที่ 9 มิ.ย. 2559

น่าจะเกิดจากการฟังธรรม แล้วไม่เข้าใจถ่องแท้ เลยเกิดความคิดผิด คิดว่าใช่รึเปล่า พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยาก และลึกซึ้งจริงๆ ครับ คงต้องสะสมการฟังต่อไป อย่างต่อเนื่องครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 9 มิ.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่มีจริงๆ คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ นั้น เป็นที่ตั้งให้สติปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ตามความเป็นจริงได้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ได้ ซึ่งจะต้องอาศัยเหตุที่สำคัญ คือ การฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ จนมั่นคงจริงๆ เพราะระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง นั้น ไม่ใช่เพียงคำพูด แต่เป็นการที่ไม่ว่าจะสภาพธรรมที่เกิดปรากฏ ก็สามารถรู้ตามความเป็นจริง ไม่ผิด ไม่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะฉะนั้น เพราะสะสมความไม่รู้มานานแสนนาน จึงต้องไม่ขาดการฟังพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย จริงๆ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 9 มิ.ย. 2559

สติก็มีหลายระดับตั้งแต่ขั้นฟัง ขั้นพิจารณา ขณะที่สติเกิดต่างกับขณะที่หลงลืมสติ เพราะขณะที่สติเกิดเป็นกุศล ขณะที่หลงลืมสติเป็นอกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 10 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ประสาน
วันที่ 11 มิ.ย. 2559

อนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
นิคม
วันที่ 18 มิ.ย. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ