ความแตกต่างของ วิปัสสนา กับ วิปัสสนูปกิเลส
คำว่าวิปัสสนา กับ วิปัสสนู ดูเหมือนจะเป็นคำที่ใกล้เคียงกันมากและทำให้เกิดความสับสน กระผมจึงอยากให้ท่านอาจารย์ช่วยอธิบายทีละคำว่า วิปัสสนาคืออะไร วิปัสสนูคืออะไร และเราจะทราบได้อย่างไรว่าขณะใดเป็นวิปัสสนาปัญญา ขณะใดเป็นวิปัสสนูปกิเลส
วิปัสสนูปกิเลส หมายถึง ความเศร้าหมองของวิปัสสนา ข้อความในพระไตรปิฎกและอรรถกถาท่านแสดงว่า ผู้ที่เจริญวิปัสสนาจนถึงระดับสัมมสนญาณและอุท-ยัพพยญาณ เมื่ออุทยัพพยญาณดับไปแล้ว กิเลสที่ยังไม่ได้ดับเป็นสมุทจเฉทก็ทำให้เกิดความพอใจใน วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น โอภาส ญาณ ปีติ สุขเป็นต้น นี้เรียกว่า ความเศร้าหมองของวิปัสสนา
ส่วน วิปัสสนา คือ ปัญญาทีเ่ห็นแจ้งตามความเป็นจริง ครับ ขออนุโมทนา
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างยิ่งครับที่ช่วยให้กระผมมีความเข้าใจมากขึ้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การอบรมเจริญปัญญา เริ่มที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ เป็นไปเพื่อ ความเจริญขึ้นของปัญญา จนกระทั่งสามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ทำให้ ผู้ที่อบรมเจริญสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น จนกระทั่งสูงสุดถึงความเป็นพระ อรหันต์ พ้นจากทุกข์โดยประการทั้งปวง ผู้ที่เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ย่อมไม่ละเว้นโอกาสที่จะทำให้ตนเองได้มีความเข้าใจ ยิ่งขึ้น ด้วยการฟังพระธรรม ฟังในสิ่งที่มีจริง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็จะค่อยๆ เข้าใจไปในแต่ละคำ แม้ วิปัสสนา ก็เข้าใจได้ว่า มีจริงๆ เป็นปัญญาที่เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง และ วิปัสสนูปกิเลส ก็มีจริงเป็นเครื่องเศร้าหมองวิปัสสนา เป็นที่ติดข้องยินดีพอใจของโลภะ ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ความต้องการที่จะรู้ธรรมะก็เป็นโลภะเป็นความเศร้าหมองของจิตใจ ยังไม่ต้องถึงวิปัสสนา แม้เพียงสติปัฏฐานเกิดในสังสารวัฏฏ์ยังยากเลยค่ะ