หนังสือพิมพ์บ้านเมืองเขียนเกี่ยวกับอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๙
เขียนเกี่ยวกับอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
นักบรรยายอภิธรรมผู้ที่มีเมตตา, อ่อนน้อม, เสียสละ สอนธรรมะได้ละเอียดและลึกซึ้ง ทำให้ผู้ที่ได้ฟังเข้าใจธรรมะยิ่งขึ้น อาจารย์เป็นผู้ที่อุทิศตนเพื่อความรู้ความเข้าใจกับลูกศิษย์อย่างแท้จริง มีความปรารถนาให้ผู้ฟังเข้าใจธรรมะ โดยมิได้มุ่งหวังประโยชน์อย่างอื่นเลย อาจารย์ไม่ว่างเว้นโอกาสที่จะให้ความรู้ผู้ที่ได้มาฟัง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม แม้ในขณะพักรับประทานอาหาร ก็จะสอดแทรกธรรมะให้ผู้อื่นได้ประโยชน์อยู่เสมอ ชีวิตของอาจารย์เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของหลายคน ท่านเป็นมารดาทางธรรม ครูทางโลกให้ประโยชน์เฉพาะโลกนี้แต่สำหรับอาจารย์แล้ว สอนให้ทุกคนได้ประโยชน์โลกนี้และโลกหน้า
อาจารย์พูดเรื่อง "กุศล" ไว้ว่า สภาพธรรมที่ดีงามไม่เป็นโทษภัย บางท่านอาจเข้าใจว่า ท่านสามารถจะทำกุศลได้เฉพาะเวลาที่มีทรัพย์สินเงินทองเท่านั้น แต่ลืมความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ถึงแม้ไม่มีเงินแต่มีสิ่งของที่พอจะแบ่งปันเจือจานสละให้เพื่อช่วยเหลือบุคคลอื่นๆ ได้ ท่านจะสละให้เพื่อช่วยเหลือคนอื่นได้ไหม ถ้าสละให้ไม่ได้ขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศล ผู้ที่ไม่รู้ว่ากุศลจิตเป็นจิตที่ดีงามไม่มีโทษก็อาจจะคิดเศร้าหมองใจว่า ท่านขาดเงิน ท่านทำบุญไม่ได้ แต่ความจริงนั้น ถึงแม้ว่าไม่มีเงินที่จะทำทานกุศล ก็มีกุศลอื่นอีกหลายประการที่กระทำได้ เช่น ขณะที่รู้สึกเป็นมิตรไมตรีกับบุคคลอื่นมีความรู้สึกเสมอกันกับบุคคลอื่น มีจิตอ่อนโยน พูดคำที่อ่อนหวานด้วยใจจริง ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เจือจานขณะใดขณะนั้นเป็นกุศล เป็นสภาพธรรมที่ไม่เป็นโทษภัยใดๆ เลย ขณะใดที่มีมานะสำคัญตนว่าสูงกว่า ดีกว่า เก่งกว่าบุคคลอื่น หรือว่ามีการแบ่งแยกเป็นเขาเป็นเรา ไม่ช่วยเหลือ ไม่เอื้อเฟื้อเจือจาน ขณะนั้นเป็นอกุศลจิตเป็นจิตที่ไม่ดีงาม เป็นสภาพธรรมที่เป็นโทษ เมื่อเข้าใจลักษณะของกุศลจริง ก็เจริญกุศลทุกประการได้ แม้ว่าไม่มีทรัพย์สินเงินทองที่จะให้ ก็ยังมีสิ่งอื่นเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งพอที่จะสละให้ได้ ถ้าสละให้ไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นคนที่หวงของ แต่ก็คิดอยากให้จิตสงบหรืออยากหมดกิเลสเป็นพระโสดาบัน จะสละสิ่งของให้ผู้อื่นได้บ้างไหม แต่ละบุคคลสะสมกุศลและอกุศลมาต่างๆ กัน
จึงควรพิจารณาจิตของตนเองว่า เป็นผู้ที่ยังหวงสิ่งของมาก หรือว่าเริ่มสละสิ่งของให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆ บ้าง ทีละเล็กทีละน้อยจนเป็นอุปนิสัย เป็นปัจจัยที่มีกำลัง ทำให้ละคลายการยึดถือนามธรรมและรูปธรรมเป็นตัวตน จนปัญญาที่อบรมเจริญคมกล้าแล้วนั้นรู้แจ้งนิพพานได้ ผู้ที่คิดว่าอยากหมดกิเลสนั้น เวลาที่กิเลสเกิดขึ้นก็ยังพอใจที่จะให้กิเลสนั้นมีอยู่ เช่น ขณะที่มีมานะความสำคัญตน ความริษยา แม้ผู้ใดจะบอกให้ละคลายเสีย ควรยินดีด้วยกับความสุขของบุคคลอื่น หรือควรมีเมตตาแม้ในบุคคลที่เลวร้าย ท่านจะกระทำได้ไหม ผู้ที่มีฉันทะ คือ ความพอใจที่จะโกรธ ดูหมิ่น ถือตัว ริษยาก็ย่อมไม่สามารถที่จะกระทำได้ ฉะนั้น การละกิเลสจึงไม่ใช่สิ่งที่จะกระทำได้ทันที จะต้องค่อยๆ เป็นไป ค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาให้เกิดขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ผู้ที่ต้องการดับกิเลสจริงๆ รู้ว่าจะต้องอบรมเจริญกุศลทุกประการ ไม่ใช่บำเพ็ญทานอย่างเดียวแล้วยังหวงเก็บอกุศลอย่างอื่นไว้ บางท่านก็อยากสงบเพราะรู้สึกว่า วันหนึ่งๆ กระสับกระส่วย กระวนกระวายมาก คิดเรื่องนั้นก็โกรธ คิดเรื่องนี้ก็ยุ่ง มีแต่เรื่องเดือดร้อนรำคาญใจ เพราะไม่ได้พิจารณาจิตใจขณะนั้น แต่พิจารณาบุคคลซึ่งท่านโกรธ เมื่อพิจารณาบุคคลอื่นในทางที่ทำให้เกิดอกุศล จิตก็ย่อมจะกระสับกระส่ายกระวนกระวายเดือดร้อน เมื่อรู้ว่ากำลังเดือดร้อนก็อยากจะสงบ แต่ไม่รู้ว่าถ้าไม่โกรธขณะนั้นก็ไม่เดือดร้อน ขณะโกรธไม่สบายใจ เดือดร้อน กังวลใจนั้นเป็นอกุศลเป็นสภาพธรรมที่เป็นโทษ
ฉะนั้น ถ้าขณะใดโกรธแล้วระลึกได้ พิจารณาบุคคลอื่นในทางที่ทำให้เกิดเมตตาบ้าง กรุณาบ้าง มุทิตาบ้าง อุเบกขาบ้าง ก็ย่อมสงบได้ทันที เพราะขณะที่จิตมีเมตตา กรุณา มุทิตา หรือ อุเบกขานั้นเป็นกุศล ปราศจากโลภะ โทสะ โมหะ จึงสงบกุศลจิตทุกขณะสงบ ฉะนั้น เมื่อต้องการดับกิเลสจึงต้องเจริญกุศลทุกประการ ไม่ใช่เพียงทานกุศลเท่านั้น นี่คือตัวอย่างในการบรรยายธรรมของอาจารย์สุจินต์ ซึ่งทำให้ผู้ฟังได้รับปัญญากลับไป ถือว่าเป็นสุดยอดของคำสอน ใครที่ฟังเข้าใจแล้วปฏิบัติตามได้ ชีวิตของบุคคลนั้นก็จะพบความสุขมากขึ้น และทุกข์น้อยลง อาจารย์ได้ทำประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนาอย่างมากมาย จนได้รับพระราชทานโล่จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ได้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา และจากมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย โดยอนุมัติสภามหาวิทยาลัยให้ปริญญาศาสนาศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (พุทธศาสตร์) *
ท่านที่สนใจฟังการสนทนาธรรมกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เชิญได้ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เลขที่ 174/1 เจริญนคร 78 ดาวคะนอง ธนบุรี กทม. 10600 โทร.0-2468-0239 วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น.
ขอบคุณข้อมูลหนังสือประวัติอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ รูปภาพจาก www.dhammahome.com
-----------
* หมายเหตุ ผู้รายงาน ขอแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนประวัติของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ดังนี้
อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ประธานมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 ได้รับปริญญาศาสนศาตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาวิชาพุทธศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย มหามกุฎราชวิทยาลัย
ขอเชิญคลิกอ่านกระทู้ที่เกี่ยวข้องได้ที่นี่
อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ผู้เสียสละและทุ่มเทเวลาให้กับศาสนาจนหมดใจ
...ขอความเจริญมั่นคงในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกท่าน...
เพราะฟังพระธรรม สนทนาธรรม จากการบรรยายของท่านอ.สุจินต์
แม้เพียงความเข้าใจขั้นการฟัง ก็ทำให้ละคลายความไม่รู้ และความเข้าใจผิดได้มากมาย
เป็นโอกาสที่ประเสริฐที่เป็นที่สุดของการได้เกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้
เหตุนี้ จึงน้อมกราบบูชาพระคุณ ท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูง ค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง ค่ะ
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่ทำให้รู้ความจริงหลายอย่างที่สำคัญที่สุด แล้วก็ละคลายในหลายเรื่องที่เคยคิดว่าสำคัญลงได้ค่ะ