ชาวพุทธแท้จริง จะไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน ไหม
ชาวพุทธแท้จริง จะไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน ไหม เช่น ไหว้เพื่อปกปักรักษาดูแลบ้าน อาณาเขต ให้ปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย ไหว้เพื่อขอ หรือ ขอบคุณ ในการให้ความช่วยเหลือ หรืออำนวยผลให้ทำกิจการงานใดๆ สำเร็จ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตามหลักคำสอนของ พระพุทธเจ้า มีแสดงถึงภพภูมิอื่นๆ กำเนิดอื่นๆ ที่นอกจากภูมิของมนุษย์มีอยู่จริง รุกขเทวดา เทวดาที่อาศัยต้นไม้ ภุมมัฏฐเทวดา เทวดาที่อาศัยตามภาคพื้น มีอยู่จริง แต่เทวดาเหล่านี้ เกิดขึ้นเพราะกรรมดีของท่าน ท่านมีวิมาน ที่เกิดเพราะบุญของท่าน พวกเราที่เป็นมนุษย์ ก็เกิดเพราะกรรมดีทั้งสิ้น อนึ่ง พระพุทธองค์ทรงแสดงการบูชาเทวดาที่ถูกต้องคือ การทำความดีแล้วอุทิศให้เทวดาอนุโมทนา การสร้างศาล และการบวงสรวง ย่อมไม่สำเร็จประโยชน์แก่เทวดาเลย
เพราะฉะนั้น ชาวพุทธ พุทธ หมายถึงปัญญา ความเข้าใจถูก ทุกคนต่างก็มีกรรมเป็นของๆ ตน ไม่มีใครที่จะช่วยใครได้ เพราะ ต่างก็มีกรรมเป็นกำเนิด เพราะฉะนั้น แทนที่จะไหว้ ขอ ก็ทำความดี อันเป็นเหตุที่ดี และ อุทิศส่วนกุศลให้ เป็นต้น ย่อมเป็นประโยชน์กับผู้อื่นโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไร นั่นชื่อว่า ทำความดี เพราะเป็นความดี ครับ
บุคคลที่ควรไหว้ คือ ผู้มีคุณ มีพระพุทธเจ้า บิดา มารดา เป็นต้น ไม่ใช่ผู้ที่อยากได้สิ่งใด จึงไหว้สิ่งนั้น ครับ
และขอเสริมกับคำว่า ผี ให้เข้าใจถูกต้องดังนี้ครับ
คำว่า ผี ความเข้าใจส่วนใหญ่ก็เข้าใจกันว่าเป็นบุคคลที่ตายแล้วและก็เป็นวิญญาณล่องลอยและปรากฏให้เห็นได้ แต่ในความเป็นจริงที่เป็นสัจจธรรมแล้ว เมื่อตายแล้วคือจุติจิตเกิดขึ้นปฏิสนธิจิต (การเกิด) เกิดต่อเปลี่ยนภพภูมิทันที ไม่ใช่ว่าจะต้องมีวิญญาณล่องลอยที่จะคอยหาที่เกิดเป็นผีครับ ตายแล้วจะต้องเกิดทันทีครับ แต่จะเกิดเป็นอะไรนั้นก็แล้วแต่กรรมที่จะให้ผลครับ หากเกิดเป็นสัตว์ก็คงไม่เรียกว่าผี หากเกิดเป็นมนุษย์ก็คงไม่เรียกว่าผี แต่เมื่อเกิดเป็นเทวดาซึ่งเทวดาก็สามารถปรากฏให้เห็นได้ ใช่ผีหรือเปล่า ซึ่งในพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดง แบ่งภพภูมิเป็นหลายภพภูมิ ทั้งมนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน เปรต เทวดา เป็นต้น ผู้ใดก็ตามที่ไม่ใช่มนุษย์ เช่น เทวดา เปรต ก็เรียกว่าอมนุษย์ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชาวพุทธ คือ ผู้ได้ฟังพระธรรม และเข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มั่นคงในกรรมและผลของกรรม เป็นผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ถ้าเป็นชาวพุทธจริงๆ จะไม่ทำอะไรตามๆ กันด้วยความไม่รู้ ทั้งในเรื่องไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เป็นต้น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นอะไร เป็นการทำไปด้วยความไม่รู้ ก็ย่อมเพิ่มพูนความไม่รู้ต่อไป ผู้ที่เป็นชาวพุทธจริงๆ จะให้ความสำคัญกับพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งเป็นที่พึ่ง เป็นสรณะ อย่างสูงสุด เพราะฉะนั้น ผู้มีปัญญา คือ พระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีต ท่านเป็นตัวอย่างที่ดี กล่าวคือ ท่านเคารพนับถือในสิ่งที่มีคุณจริงๆ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงและพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น เป็นยาขนานศักดิ์สิทธิ์ เป็นธรรมโอสถที่ทำให้พ้นจากโรคกิเลสได้ทุกชนิด ถึงความสงบสุขอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นแล้ว จึงควรอย่างยิ่งที่จะได้คล้อยตามความประพฤติที่ดีงามของพระอริยบุคคลในอดีต ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม น้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้อง ละทิ้งในสิ่งที่ผิด โดยไม่ต้องเสียดาย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...