สีลัพพตปรามาส
วันนี้ (3 ก.ค.59) ผมได้มีโอกาสดูเทปที่ท่านอาจารย์ออกรายการทางทีวีแล้วมีข้อสงสัยจึงขอสอบถามปัญหาดังนี้ครับ
การเข้าสำนักปฏิบัติ เป็นสีลัพพตปรามาส อย่างไรครับ ขอความกรุณาอธิบายละเอียดหน่อยครับ ปัญญาน้อยครับคือผมได้ติดตามพยายามฟังท่านอาจารย์สุจินต์ฯ บรรยายธรรมมานานแล้ว แต่ไม่ค่อยเข้าใจ ต่อมาระยะหลังๆ มาค่อยเข้าใจมากขึ้นครับ
ตัวอย่างที่ผมไปเข้าอบรมวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมเหยงคณ์ หลักสูตร 9 วัน แบบนี้เป็น สีลัพพตปรามาส หรือไม่อย่างไรครับ
ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ที่ให้ความเมตตา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในสมัยครั้งพุทธกาลไม่มีสำนักปฏิบัติธรรมของบรรพชิต หรือสำนักปฏิบัติธรรมของคฤหัสถ์ เพราะผู้ที่ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมในยุคนั้น ท่านมีปกติเจริญสติปัฏฐาน (ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง) คือ ไม่มีการจำกัดหรือเลือกสถานที่ กาลเวลา และอารมณ์ คือ ทุกที่ทุกเวลาเป็นปกติ เพราะฉะนั้น จึงไม่มีหลักฐานใดๆ แสดงว่ามีการสร้างหรือมีสำนักปฏิบัติธรรมของบรรพชิตหรือสร้างสำนักปฏิบัติธรรมของคฤหัสถ์ ในยุคนี้มีความเห็นผิดว่า ถ้าจะปฏิบัติธรรม ต้องอยู่ในห้องหรือไปสำนักปฏิบัติ ไปสถานที่อื่นๆ ปฏิบัติไม่ได้ จึงมีการสร้างสำนักปฏิบัติเพื่อการปฏิบัติธรรม ซึ่งไม่ถูกต้องตามหลักพระธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา
ที่น่าพิจารณา คือ ปัญญาจะเจริญขึ้นตามลำดับจนถึงความสมบูรณ์พร้อม (ถึงความเป็นพระอริยบุคคลข้ามพ้นจากความเป็นปุถุชนได้) ก็ต้องมาจากการค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ไม่ใช่การไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ตามสำนักต่างๆ ด้วยความต้องการ ด้วยความเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของธรรม เพราะนั่นไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ถึงความเจริญขึ้นของปัญญาเลย นำคำว่าปฏิบัติธรรมมาใช้ แต่ไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย
สาวกในครั้งอดีต มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรม ก็เพราะได้อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ฉันใด สาวกในยุคนี้สมัยนี้ จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรม ก็ต้องอาศัยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เช่นเดียวกัน ซึ่งจะประมาทในแต่ละคำของพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ไม่ได้เลย
สีลัพพตปรามาส คือ ความยึดถือ ด้วยข้อวัตรปฏิบัติที่ผิด ที่สำคัญว่า ข้อปฏิบัติ วัตรนั้นจะทำให้ถึงความบริสุทธิ์ครับ สีลัพพตปรามาส โดยองค์ธรรม ก็คือ ความเห็นผิดนั่นเอง คือ ทิฏฐิเจตสิก สีลัพพตปรามาส เป็นความเห็นผิด-ที่ยึดถือ-ลูบคลำในข้อวัตรปฏิบัติ
เพราะฉะนั้น การกระทำที่ผิด ทางกาย วาจา ใจ ที่ไปปฏิบัติ ไปสำนักปฏิบัติจึงเป็น สีลัพพตปรามาส ชัดเจน เพราะเป็นตัวตนที่จะไปทำสติและปัญญาให้เกิดในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ลืมความเป็นอนัตตา ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา มีคำว่า ปฏิบัติธรรม แต่ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด ไม่มีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว มีการไปทำอะไรด้วยความอยาก ความต้องการ จดจ้อง ตามสถานที่ต่างๆ ที่เข้าใจว่าเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม อย่างที่นิยมเรียกกันว่า “สำนักปฏิบัติธรรม” ก็ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม แต่เป็นการปฏิบัติผิด ไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา มีแต่สอนให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ด้วยความต้องการ หลงผิด ซึ่งค้านกับพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ในขณะที่ปฏิบัติผิดนั้น ก็พอกพูนโลภะ ความติดข้องต้องการ และ ความเห็นผิด ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการลูบคลำยึดถือในข้อวัตรปฏิบัติที่ผิด
แท้ที่จริงแล้วปฏิบัติธรรมเป็นการอบรมเจริญปัญญา รู้สภาพธรรมที่ปรากฏ คือรู้นามธรรม และรูปธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งต้องมีการตั้งต้นด้วยการฟัง ด้วยการศึกษาให้เข้าใจในสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ว่าเป็นธรรมแต่ละหนึ่งๆ ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้สติและปัญญา เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นการถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง ตามความเป็นจริง ด้วยปัญญา โดยที่ไม่เลือกสถานที่ กาลเวลา และไม่มีการเจาะจงที่จะรู้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด เพราะทั้งหมดล้วนเป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ซึ่งแสดงถึงความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมอย่างแท้จริง
ขณะนี้มีธรรม มีสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเลย จะไม่สามารถเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ได้ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้มีความละเอียดอย่างยิ่งในการฟัง ในการศึกษา ไม่ประมาทในพระธรรมแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญที่จะนำไปสู่ความเจริญขึ้นของปัญญายิ่งๆ ขึ้นไป ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...