สะเดาะเคราะห์

 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่  12 ก.ค. 2559
หมายเลข  27975
อ่าน  1,539

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงการสะเดาะเคราะห์ไว้อย่างไรบ้าง (สำหรับอ้างอิงแก่ผู้ที่หลงเชื่องมงาย และ คิดว่า จะเสียหายอะไรตรงไหน ที่เขาจะทำพิธีสะเดาะเคราะห์)

ขอบพระคุณที่อนุเคราะห์ให้ความรู้ความเข้าใจค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 ก.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การสะเดาะห์เสริมบารมี ก็ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะไม่ใช่เป็นไปในเรื่องเหตุผล เพราะไม่ตรงตามเรื่องกรรมและผลของกรรมตามความเป็นจริงครับ และเป็นเรื่องที่จะได้ ติดข้อง ในการจะเสริมดวง สะเดาะห์เคราะห์ ก็เป็นเรื่องของกิเลส ไม่ใช่เรื่องละคลาย ก็ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธศาสนาครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 12 ก.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์โลกมีกรรมเป็นของของตน ไม่มีใครสามารถลบล้างกรรมที่ตนเองได้กระทำแล้วได้ เมื่อเหตุมีแล้ว ผลก็ย่อมเกิดขึ้นตามควรแก่เหตุ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

เป็นที่น่าพิจารณาว่า กรรม ไม่ใช่มีเฉพาะชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น มีมากมากที่เคยได้กระทำมาแล้วในอดีตที่ผ่านมานับชาติไม่ถ้วน ทั้งกุศลกรรม และ อกุศลกรรม กรรมที่ได้กระทำแล้ว ทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม เป็นสภาพที่ปกปิด เพราะเหตุว่าไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่ากรรมที่ได้กระทำแล้วนั้น จะให้ผลเมื่อใด ให้ผลในชาตินี้ ในชาติหน้า หรือ ในชาติต่อๆ ไป ก็ไม่สามารถรู้ได้ แต่จะต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น กุศลกรรม และ อกุศลกรรม ต่างกัน มีผลไม่เสมอกัน กล่าวคือ กุศลกรรม ย่อมทำให้เกิดผลที่ดี ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ส่วน อกุศลกรรมให้ผลที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าพอใจ ทำให้มีความทุกข์เดือดร้อน เมื่อทำกรรมสำเร็จแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกรรมในชาตินี้หรือกรรมในชาติก่อนๆ ที่ผ่านมา เมื่อถึงคราวให้ผล ย่อมให้ผลตามฐานะของกรรมนั้นๆ ไม่มีใครสามารถตัดหรือแก้กรรมที่ทำสำเร็จไปแล้วได้, อกุศลกรรมที่กระทำแล้ว เสร็จสิ้นแล้ว ไม่สามารถจะไปแก้หรือไปตัดได้ นอกจากจะเป็นผู้เห็นโทษของอกุศลแล้ว ปรับปรุงแก้ไขตนเอง ด้วยการสำรวมระวังไม่กระทำกรรมชั่วอย่างนั้นอีก พร้อมกับเป็นผู้ไม่ประมาทในการเจริญกุศล สะสมความดีประการต่างๆ ส่วนความดีทั้งหลาย นั้น ไม่ต้องไปแก้ ไม่ต้องไปตัด มีแต่ควรจะสะสมเพิ่มพูนให้มีมากขึ้น เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองต่อไป

หนทางเดียวที่จะทำให้ไม่ต้องมีกรรม และ การได้รับผลของกรรมอีกเลย นั่นก็คือ อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ จนกระทั่งปัญญาคมกล้าขึ้น สามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ถึงความเป็นพระอรหันต์ เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก ไม่ต้องมีการกระทำกรรม และการได้รับผลของกรรมอีกเลย กรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีตไม่สามารถให้ผลได้อีกเลย กล่าวได้ว่า สิ้นทั้งกรรม สิ้นทั้งผลของกรรม ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 12 ก.ค. 2559

ขอขอบพระคุณ และอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 13 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
peem
วันที่ 15 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
thilda
วันที่ 15 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wirat.k
วันที่ 20 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
tuijin
วันที่ 22 ก.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 30 ก.ค. 2559

ศาสนาพุทธเน้นเรื่องของปัญญา เช่น เชื่อกรรมและผลของกรรม ไม่มีใครสามารถแก้กรรมในอดีตที่เคยทำไว้ มีแต่ทำกรรมใหม่ที่ดีในปัจจุบันค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Woranan
วันที่ 3 ส.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ