อกุศลเจตสิก
ขอเรียนถามว่า คนที่ไม่มีวินัย เช่น ขับรถย้อนศร ไม่เข้าคิว มีอกุศลเจตสิกประเภทใดเกิดคะ
ไม่พ้นจากสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นโลภะ โทสะ โมหะ แต่ไม่สามารถรรู้ได้ว่าเป็นประเภทใดในขณะนั้น เพราะจิตเกิดดับ สลับเร็วมาก ต้องเป็นปัญญาของผู้นั้นเองเป็นสำคัญ ครับ
เชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ดังนี้
บุษบง ท่านอาจารย์พูดถึงเรื่องโกรธ ดิฉันก็ขอเรียนว่า ดิฉันเคยโกรธคนที่ทำให้โกรธและผูกโกรธเขาอยู่ และขณะเดียวกันได้ฟังธรรมของท่านอาจารย์มาเรื่อยๆ แต่ก็ยังโกรธอยู่ จนกระทั่งได้ฟังท่านอาจารย์บรรยายตอนหนึ่งว่า การที่จะไม่โกรธใคร ทำง่ายเหลือเกิน สตางค์ก็ไม่ต้องเสีย แต่ทำไมเรายังสละความโกรธไม่ได้ ถ้าเรายังสละไม่ได้ เราจะมาศึกษาธรรม ก็รู้สึกว่าจะห่างไกลกันมาก อันนี้ก็เป็นข้อหนึ่ง ข้อที่สอง คือ ความไม่ดีที่คนอื่นทำขึ้น เราไม่ต้องไปดูเขาหรอก แต่ตัวเราเองนี่ดีแล้วหรือยัง ถ้าเรายังไปโกรธเขาอยู่ แสดงว่าจิตของเรายังเป็นอกุศลอยู่ เพราะฉะนั้นเราก็ยังเป็นคนไม่ดีอยู่ ไม่ต้องไปว่าคนอื่น แล้วอีกข้อหนึ่งคือ คนที่เราโกรธเขา เวลาเขาให้ของ เรามักจะไม่รับ ซึ่งเป็นความจริง คนนั้นเขาพยายามมาง้อ เราก็ไม่รับ พอมาฟังท่านอาจารย์บอกว่า เราต้องรับของของเขา แล้วจะทำให้เราละคลายความโกรธลงได้
จากที่ดิฉันฟังท่านอาจารย์มาทั้ง ๓ ข้อ ทำให้ดิฉันหายโกรธคนนั้นได้ จนกระทั่งเขาคุยกันขึ้นมา เขาก็แปลกใจถามดิฉันว่า ทำไมดิฉันถึงหายโกรธได้เลย ทำได้อย่างไร ดิฉันก็บอกว่า ความไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเรื่องของเขา แต่สำหรับดิฉัน ดิฉันจะดูตัวเองว่า จะดีหรือไม่ดีแค่ไหน ขอกราบท่านอาจารย์ด้วยความเคารพ
สุ. ก็ขออนุโมทนา เพราะว่าน้อยคนที่จะเห็นโทษของความโกรธ โดยเฉพาะขณะที่กำลังโกรธ ถ้าตอนที่ไม่โกรธ ก็เห็นโทษของความโกรธได้ว่า ความโกรธไม่ดีอย่างนี้อย่างนั้น แต่ตอนกำลังโกรธ ยากที่จะเห็นว่า ขณะนั้นเป็นโทษ ซึ่งความจริงแล้วถ้าสติเกิดระลึกได้ จะเห็นได้จริงๆ ว่า ความโกรธนี้เป็นของใคร เป็นของเราที่จะสะสม และจิตของเราจะเน่า จะเป็นโรค จะเป็นจิตที่แย่มากๆ เต็มไปด้วยอกุศลหลายชนิด ไหนจะโลภะ ติดข้องไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ไหนจะโกรธ แล้วยังจะมีกิเลสอีกเยอะแยะ เพราะฉะนั้นเอาจิตของแต่ละคนมาผ่าดู ต้องดำ ต้องสกปรก มากมายเหลือเกิน
เพราะฉะนั้นถ้าเห็นอย่างนี้แล้ว ก็มีทางเดียว คือ รีบเร่งทำกุศลทุกประการ เพื่อที่จะขัดเกลา ชำระล้างจิตที่ดำสกปรกออกไป เพราะว่าถ้ามองไม่เห็นว่า จิตสกปรก แล้วจิตของเราเอง เราก็โกรธคนอื่น แล้วเห็นแต่ความไม่ดีของคนอื่น ในขณะนั้นคนนั้นกำลังสบาย แต่เรากำลังเติมความดำ ความสกปรกให้กับจิตใจของเรา ซึ่งคนอื่นก็จะเอาความดำ ความสกปรกของจิตใจเราออกไม่ได้ นอกจากปัญญาของเราเอง
เพราะฉะนั้นปัญญาจะทำให้เราสามารถเข้าใจเหตุผลได้ตามความจริง เห็นอกุศลเป็นอกุศล และเห็นโทษของอกุศลตามความเป็นจริงด้วย
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้าเป็นกุศล จะไม่ทำในสิ่งที่ผิด เพราะฉะนั้นแล้ว ความประพฤติที่ไม่ดีทั้งหลาย ย่อมมาจากสภาพจิตที่เป็นอกุศล ซึ่งจิตจะเป็นอกุศลจิตได้ ก็ต่อเมื่อมีสภาพธรรมที่เป็นอกุศลเจตสิกประการต่างๆ เกิดร่วมด้วย ซึ่งขณะนั้นจะไม่ปราศจาก ความไม่ละอาย ความไม่เกรงกลัว ความหลงความไม่รู้ และความไม่สงบ เป็นต้น เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ถ้าคุ้นเคยกับสิ่งที่ผิดบ่อยๆ เสพคุ้นบ่อยๆ ก็ง่ายที่จะเป็นอกุศล ง่ายต่อการที่จะทำในสิ่งผิดๆ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...