ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ซาบซึ้งในหทัย [15] ตอน ทำไมคฤหัสถ์ควรศึกษาพระวินัย ๒
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จากการที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้เดินทางไปพักผ่อนและสนทนาธรรม ที่จังหวัดกระบี่ พร้อมกับกลุ่มสนทนาธรรมคุณฟองจันทร์ วอลช และเพื่อน เมื่อวันที่ ๒๖ ถึงวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ซึ่งมีการถ่ายทอดเสียงการสนทนาธรรม เพื่อผู้ที่สนใจทางบ้านได้รับฟังและข้าพเจ้าก็เป็นผู้หนึ่ง ที่ได้ติดตามรับฟังด้วย เป็นความการสนทนาที่ท่านกล่าวถึงเรื่องพระวินัยบัญญัติ ซึ่งเป็นสิ่งที่พุทธบริษัทควรมีความเข้าใจที่ถูกต้อง อันจะเป็นเหตุให้สามารถแก้ไขปัญหาของพระพุทธศาสนาในสภาวะสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างแท้จริง ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้นำความการสนทนามาลงไว้เป็นตอนแรก ในกระทู้ ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ซาบซึ้งในหทัย [14] ตอน ทำไมคฤหัสถ์ควรศึกษาพระวินัย ๑ แล้ว และสำหรับในตอนที่ ๒ นี้ จะเป็นตอนที่ต่อเนื่องจากกระทู้ดังกล่าว ซึ่งเป็นช่วงที่ท่านอาจารย์ สนทนากับคุณณภัทร เรืองจันทร์ฤทธิ์ เป็นตอนที่มีความไพเราะ ซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ครับ
คุณณภัทร กราบท่านอาจารย์ครับ เมื่อสักครู่ ท่านอาจารย์บอกว่าที่มูลนิธิฯ ทุกวันนี้ มีการพูดถึงเรื่องพระวินัยน้อย...
ท่านอาจารย์ เพราะว่าอะไร เราพูดเรื่องพระอภิธรรมและพระสูตร มานานเท่าไหร่? ลองสำรวจดูเทปทั้งหมด แล้วเราเริ่มมีการสนทนาพระวินัยที่มูลนิธิฯ เพราะเห็นประโยชน์ว่า ไม่ควรจะขาดสักปิฎกเดียว แต่แม้กระนั้น ก็มีผู้ที่คิดว่า พระวินัยไม่ใช่สำหรับคฤหัสถ์ แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร? ในระหว่างพุทธบริษัท เหมือนครอบครัว บ้านเดียวกัน แล้วความประพฤติของคนในบ้าน ทำลายพระศาสนา และเราก็อยู่ในบ้านนั้น ประเทศนั้น ครอบครัวนั้น แล้วเราจะปล่อยให้ทำลายพระศาสนา โดยการที่ทำทุกอย่าง ไม่ตรงตามพระวินัย สมควรไหม?
ทั้งนี้ เพราะเหตุว่า เป็นความผิดของใคร? คฤหัสถ์ ละเลยที่จะไม่ศึกษาพระวินัย ถ้าคฤหัสถ์ไม่ละเลย ช่วยกันประคับ ประคอง ซึ่งจริงๆ แล้ว เป็นหน้าที่ของพระภิกษุ ที่ท่านจะต้องเป็นหัวหน้าของพุทธบริษัท ท่านจะต้องเป็นผู้ที่ศึกษาธรรมะ แล้วก็รักษาพระวินัย ขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต เพราะเหตุว่า จุดประสงค์ของท่าน สามารถที่จะสละอาคาร บ้านเรือน เพื่อจะดำเนินชีวิตที่เป็นประโยชน์ยิ่ง แต่...ทำหรือเปล่า?
เพราะฉะนั้น เราไม่มีการที่จะว่า คนนั้นทำ คนนี้ไม่ทำ ใครทำ ใครไม่ทำ เพราะเหตุว่า พระธรรมวินัย ตรัสไว้ดีแล้วทั้งหมด ให้เป็นเครื่องเตือนซึ่งกันและกัน ถ้าพุทธบริษัทเห็นว่าพระภิกษุท่านประพฤติไม่ถูก (ก็) เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา มีตั้งแต่ในครั้งพุทธกาล แล้วเราไม่ทำตามอย่างนั้นหรือ?
คุณณภัทร เพราะฉะนั้น ก็คือว่า พระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ มีมากมาย
ท่านอาจารย์ มีประโยชน์ด้วย สำหรับคฤหัสถ์ด้วย ลองอ่านดูสิคะ คฤหัสถ์จะประพฤติตามพระวินัย ไม่มีใครขัดขวางเลย ว่าทำไม่ได้ ไม่ใช่ว่า ฉันเป็นเพศคฤหัสถ์ ฉันจะทำไม่ได้ แต่สิ่งใดที่ดีงาม คฤหัสถ์เองก็ขัดเกลา เพราะเข้าใจวินัยมากขึ้น ละเอียดขึ้น
คุณณภัทร เพราะฉะนั้น พระวินัยที่จะเอามาสนทนาที่มูลนิธิฯ ก็ควรจะเป็น คือจริงๆ ทุกข้อดีหมด แต่ว่าด้วยความที่พระวินัยมีมาก เพราะฉะนั้น ต้องเป็นที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคฤหัสถ์ ที่เกี่ยวข้องกับพระภิกษุ ควรจะรู้ในสิ่งที่คฤหัสถ์เกี่ยวข้องกับพระภิกษุโดยตรง
ท่านอาจารย์ มีคฤหัสถ์หลายคนที่บอกว่า ไม่มีพระแล้วเราจะทำอย่างไร? "พระ" คือ ใคร? ถ้ามีโจร เราจะทำอย่างไร? ทำไมไม่คิด!!! ใช่ไหม?
เพราะฉะนั้น ถ้าคฤหัสถ์ไม่รู้จักความเป็นพระภิกษุ แล้วคฤหัสถ์นั้นอยากมีพระภิกษุเพื่ออะไร? ในเมื่อไม่รู้เลย ว่าความเป็นพระภิกษุ อยู่ที่ไหน? อยู่ที่พระวินัย!!! แล้วต้องศึกษาพระธรรมด้วย!!! ไม่ใช่จะรักษาแต่พระวินัย อย่างบางท่านก็ไม่ล่วงศีลอะไร แต่ท่านก็ไม่ได้ศึกษาธรรมะ
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งซึ่งเราจะตามใจตัวเรา เราอยากต้องการอย่างนี้ แต่ว่า พิจารณาหรือเปล่า? ว่าสิ่งที่มูลนิธิฯ ทำ เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ!!! การที่จะพูดถึงพระวินัย เป็นโทษหรือเปล่า? หรือว่าเป็นประโยชน์ ถ้าเป็นประโยชน์ ประโยชน์นั้น มากพอหรือยัง? ในเมื่อเราพูดพระอภิธรรม พระสูตร มานานมากแล้ว แล้วถึงเวลาหรือยัง? ถึงกาลสมัย ที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องพูดพระวินัย อยากจะกล่าวว่า ไม่รู้จบ!!! จบไม่ได้!!! เพราะเหตุว่า สถานการณ์เป็นอย่างนี้!!! การที่ประเทศชาติ มีพระภิกษุซึ่งไม่ได้ศึกษาและไม่ได้ประพฤติ ปฏิบัติ ตามพระวินัย แล้วจะให้เป็นอย่างนี้ เพราะเขาไม่รู้หรือ?
เพราะฉะนั้น หน้าที่ของผู้ที่ได้ศึกษาธรรมะแล้ว ก็เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน เราอยากจะให้ใครตกนรกไปต่อหน้าต่อตาหรือ? เอาเงินไปผลักเขาให้เขาตกนรกหรือ? เพราะความไม่รู้!!! ถ้าเป็นคนไม่หวังดีก็หวังดีอย่างไม่รู้ ให้เงินพระภิกษุไป แต่รู้ไหม? ว่าโทษแค่ไหน? ไม่ได้เข้าใจอะไรเลย แต่กลัวว่าถ้าไม่ให้เงินพระภิกษุแล้วจะไม่มีพระภิกษุ แล้วจะมีพระภิกษุทำไม? ถ้าเรามีพระภิกษุที่รับเงินทอง จะมีไว้ทำไม?
เพราะฉะนั้น ความเป็นคนตรง "ต้องตรง" เพื่อพระภิกษุที่ท่านได้รับรู้ ได้ฟัง ได้ไตร่ตรอง สำนึกในความเป็นภิกษุ ท่านสามารถที่จะสละ สิ่งที่ไม่ดี แล้วก็เริ่มสนใจศึกษาพระธรรมและพระวินัยได้ เป็นประโยชน์ไหม? ถ้าเราจะมีพระภิกษุอย่างนั้น ที่เป็นพระภิกษุตามพระธรรมวินัย!!! หรือเราอยากจะมีพระภิกษุที่ไม่เป็นไปตามพระวินัย? แต่ก็ยังอยากมี เพื่ออะไร?
บางคนบอกว่า จะได้เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ หน้าตามีหลายหน้า จะเอาหน้าไหน? หน้าแย่ๆ ใครมาเห็นก็แย่ ไม่เป็นไปตามพระวินัยเลย พระภิกษุขี่ม้าบิณฑบาตร ตื่นเต้น ดีใจ!! คิดว่าเป็นสิ่งที่จะต้องอวดชาวต่างประเทศ ถ้าศึกษาแล้ว น่าอายมากกว่าที่จะเห็นว่าเป็นสิ่งที่เป็นหน้าเป็นตา
คุณณภัทร กราบท่านอาจารย์ครับ การฟังพระธรรม ถ้าฟังโดยไม่ละเอียด ไม่เป็นผู้ที่ละเอียด ก็อาจจะเข้าใจผิดในเรื่องของพระธรรมวินัย เช่น คำว่า "อนัตตา" ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ศาสนาพุทธ จะอันตรธานหรือไม่อันตรธาน เราไม่สามารถจะทำอะไรได้ อันนี้ก็คือว่า บางคนถ้าเข้าใจผิด ก็จะคิดว่า ก็ทำอะไรไม่ได้ จะอันตรธานหรือไม่อันตรธาน ก็ไม่สามารถจะไปทำอะไรได้
ท่านอาจารย์ "อันตรธาน" คือ อะไร? เห็นไหม? เข้าใจหรือเปล่า? ไตร่ตรองหรือเปล่า? หรือ "คิดเอาเอง พูดเอาเอง" เผินๆ !!!
เวลานี้ ศาสนาพุทธ อันตรธานแล้ว จากคนที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะและไม่เข้าใจธรรมะ!!! จะยังอยู่ได้อย่างไร? (ในเมื่อ) ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น!! เพราะฉะนั้น "ศาสนาจะอันตรธาน" ก็เวลานี้ก็กำลังอันตรธาน ถ้าเราไม่ช่วยกันศึกษา คนใดก็ตามที่เข้าใจธรรมะ ศาสนายังไม่อันตรธานจากคนนั้นเท่านั้น!! แต่กับคนที่ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เข้าใจเลย แล้วจะบอกว่าพระศาสนายังอยู่ พูดได้อย่างไร? ต้องเป็นคนที่ตรง ตามเหตุ ตามผล ด้วย เมื่อเราคิดว่า เวลานี้ ชาวพุทธส่วนใหญ่ ไม่ได้ศึกษาพระธรรม แล้วจะบอกว่าพระศาสนายังอยู่ ถูกไหม? ต้องฟังทุกคำ ไม่ศึกษาธรรมะเลย แล้วบอกว่า พระพุทธศาสนายังอยู่ ถูกไหม? เพราะฉะนั้น การที่เราช่วยกันศึกษาแล้วก็เผยแพร่พระธรรม เท่าที่ทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจกันทำได้ ทำไมเราศึกษา (พระธรรม) แล้วทำไมพระวินัยเราทอดทิ้ง?
คุณณภัทร กราบท่านอาจารย์ครับ บางครั้งเห็นพระภิกษุประพฤติไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้องตามธรรมวินัย ก็ไม่กราบไหว้ เพราะว่า ขณะที่เป็นอกุศลนั้น เราก็ไม่กราบไหว้ ถ้าไม่เข้าใจก็จะกราบไหว้ ทั้งๆ ที่เห็นว่าไม่อยู่ในความประพฤติที่เหมาะสม สำหรับผม ผมก็ไม่ได้กราบไหว้
ท่านอาจารย์ ค่ะ และขณะนั้น หวังดีด้วย เพื่อท่านจะได้สำนึก ทำไมคฤหัสถ์ไม่ไหว้!! ถ้าทำถูก เราไหว้ ถ้าเราไม่เห็นว่าทำผิด เราไหว้ เพราะเราไม่รู้ว่าทำอะไร แต่ถ้าเห็นกำลังทำผิดแล้ว ใครไหว้? ถ้าไหว้ก็เป็นการส่งเสริมให้ท่านทำต่อไป
คุณณภัทร ผมมีเพื่อนบวชเป็นพระภิกษุ แต่ว่าท่านจะชอบโพสต์ลงในเฟซบุ๊คเวลาเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ โพสต์ถ่ายรูปกับรถไฟบ้าง ถ่ายรูปสถานที่ๆ ท่านไปบ้าง ครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์ อย่างนั้นน่ะ ท่านเข้าใจว่าท่านเป็นภิกษุหรือเปล่า? คำว่าภิกษุคืออะไร? ผู้เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ เมื่อเห็นภัยแล้วทำอะไร? สละเพศคฤหัสถ์เพราะรู้จักตัวเองว่าสามารถที่จะศึกษาธรรมะ อบรม เจริญปัญญาในเพศบรรพชิต เหมาะ สะดวก สบายสำหรับท่าน ไม่ได้เดือดร้อนเลยกับการที่จะไม่มีเงินและทอง ไม่มีวงศาคณาญาติ ไม่มีเรื่องวุ่นวายต่างๆ ทั้งหลาย แล้วท่านมีเฟซบุ๊คหรือมีพวกสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำไม? ใครจะไหว้ภิกษุที่กำลังทำอย่างนั้นบ้าง? ภิกษุคือผู้สงบ อย่างนั้นไม่สงบเลย ไม่เป็นไปเพื่อความสงบด้วย!!!
คุณณภัทร บางทีก็จะอ้างว่า ไม่มีในพระวินัย ว่าห้ามเล่นเฟซบุ๊ค
ท่านอาจารย์ การบวช เพื่ออะไร?
คุณณภัทร เพื่อขัดเกลากิเลส
ท่านอาจารย์ ทั้งหมดของพระวินัย เพื่ออะไร? ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ บวชทำไม? ในเมื่อบวชแล้วไม่ใช่เป็นผู้ที่ขัดเกลากิเลส!!! เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นภิกษุถ่ายรูป แม้ถ่ายรูป คิดดู!!! ไม่ต้องถึงเฟซบุ๊ค ไม่ต้องถึงเซลฟี่หรืออะไรเลยทั้งสิ้น!! แค่ถ่ายรูป สงบไหม? ต้องตรง!!! เพราะอะไร? กุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล อะไรเห็น? ปัญญาเท่านั้นที่เห็น!! ปัญญาไม่คดงอเลย!!! เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าใจถูกต้องก็คือว่า ตราบใดที่ยังมีกิเลสและไม่ศึกษาพระธรรม ไม่สามารถที่จะละความไม่ตรง เพราะเข้าใจผิดได้
อย่างคนที่บอกว่า พระภิกษุสมัยนี้ต้องรับเงินและทอง ถ้าคิดสักนิดหนึ่ง ใครเป็นผู้ที่บัญญัติพระวินัย? แล้วคนนั้นกำลังพูดกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า? ว่าภิกษุสมัยนี้ต้องรับเงินและทอง ไม่เช่นนั้นก็เป็นภิกษุไม่ได้ กล้าที่จะคิดอย่างนั้นไหม? ว่าจะเปลี่ยนพระวินัย!!!
เพราะว่า พระองค์ทรงตรัสรู้ธรรมะทั้งหมด และทรงรู้ถึงกาลในอนาคตด้วย!! ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่แม้กระนั้น ก็ทรงบัญญัติเรื่องการขัดเกลากิเลส ซึ่งเปลี่ยนไม่ได้เลย จะให้เป็นโดยวิธีอื่นไม่ได้ ธรรมะสะอาด ธรรมะบริสุทธิ์ ธรรมะตรง เพราะฉะนั้น การเป็นภิกษุ ต้องตรง!!! ต้องสะอาด!!! ต้องบริสุทธิ์!!!
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน และโปรดติดตามตอนต่อไป เร็วๆ นี้ ครับ
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาขอบพระคุณท่านผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน คุณณภัทร เรืองจันทร์ฤทธิ์และคุณวันชัย ภู่งาม ผู้เรียบเรียง