เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา
เพราะไม่รู้จึงเห็นเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน
ขอเชิญอ่านคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ดังนี้
ศุกล เนื่องจากความเป็นตัวเป็นตนมีมากเหลือเกิน ถึงแม้ว่าเวลานี้เราได้ฟังอธิบายของท่านอาจารย์พูดว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรม” ก็ไม่มีอะไรพ้นไปจากสภาพจิต เจตสิกและรูป แต่อย่างไรๆ ก็ยังยึดว่าเป็นตัวตน เป็นเราอยู่ตลอดเวลา จะมีการฟังพระธรรมส่วนไหนบ้างที่จะช่วยลดคลายความเป็นตัวเป็นตนได้บ้าง เพราะเต็มไปทั้งวัน ความเป็นตัวของเรา แม้แต่เสียงของเรา เห็นก็เป็นเราเห็น พูดก็เป็นเราพูด ขอให้ท่านอาจารย์อธิบายลักษณะด้วยครับ
สุ. ก็เริ่มตั้งแต่ที่เรากำลังนั่งอยู่ คือ ให้รู้จริงๆ ไปเลยว่า ไม่มีเรา แล้วคำถามต่อไปก็คือว่า “เมื่อไม่มีเราแล้ว มันมีอะไร” ใช่ไหมคะ สิ่งที่กำลังมีปรากฏให้เห็น ทางตา ทางหู เป็นอะไร ถ้าไม่ใช่เรา ก็คือเป็นของจริง เป็นสภาพธรรมที่มีจริง โดยเกิดขึ้นให้รู้ว่ามี อย่างเสียง ถ้าไม่เกิดก็ไม่มีใครรู้ ไม่ได้ใครยิน แต่มีการได้ยินแล้วจะต้องได้ยินเฉพาะเสียงเท่านั้น เราจึงรู้ได้ว่า เสียงมีสำหรับคนที่มีโสตปสาท แต่ถ้าคนไหนเกิดหูหนวก อย่างไรๆ ก็ไม่ได้ยินเสียง ไม่สามารถนึกได้ว่า เสียงเป็นอย่างไร ที่เขาว่าเสียง แต่คนที่มีหูแล้ว ก็ตอบได้ว่า ดังๆ อะไรก็ตามที่เกิดดังๆ ขึ้นมา นั่นแหละคือเสียง เพราะว่าเสียงต้องดังแน่ค่ะ เสียงไม่ดังมีไหมคะ ไม่มี แล้วแต่ว่าจะดังมากดังน้อย แต่ต้องดัง นี่คือลักษณะของเสียง เหมือนกับสิ่งที่ปรากฏทางตาในขณะนี้ ถ้ามืดหมด เราก็มองไม่เห็นอะไร แต่เพราะสว่าง เราถึงได้เห็นเป็นสีสันวัณณะต่างๆ แต่ที่กำลังเห็นเป็นสีสันวัณณะต่างๆ ให้ทราบว่า ตามความเป็นจริงแล้วเห็นเกินนี้ไม่ได้ ไม่มีใครเห็นแข็ง เห็นแข็ง เห็นได้ไหมคะ
คือการศึกษาธรรม ศึกษาได้หลายแบบ ถ้าศึกษาตามตำราแล้วก็อาจจะเร็ว เอาหนังสือมากาง แล้วก็บอกว่า จิตมีเท่านั้น เจตสิกมีเท่านั้น รูปมีเท่านั้น จบ แต่ถ้าจะให้เข้าใจ คือ ความเข้าใจนี้สำคัญมาก ไม่ว่าเราจะฟังอะไรต้องเพื่อความเข้าใจอย่างเดียว แม้แต่คำว่า “ธรรม” ถ้าเราเข้าใจจริงๆ สามารถเป็นพระโสดาบันบุคคลได้ เข้าใจจริงๆ ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แต่นี่แสดงให้เห็นว่า การฟังของเรา ตราบใดที่ยังไม่เป็นพระโสดาบัน ก็แสดงว่าความเข้าใจของเราในเรื่องที่ได้ยินได้ฟังยังไม่พอ คือ ยังไม่ประจักษ์แจ้ง เช่น ขณะนี้มีเห็น เห็นอะไร แค่นี้ต้องคิดแล้วนะคะ ถ้าตอบอย่างเดิมว่า เห็นคน ผิดหรือถูก เห็นโต๊ะ เห็นเก้าอี้ ผิดหรือถูก มี ๒ อย่างค่ะ ผิดหรือถูก อย่างหนึ่งอย่างใด ถ้าบอกว่าเห็นคน ผิดหรือถูก
ผู้ฟัง ถ้าเห็นเฉยๆ หมายถึงตามองเห็น นี่คือคน นี่คือสัตว์ หมา แมว อันนี้เห็นค่ะ
สุ. จริงๆ แล้ว ขณะที่เห็น เห็นสีสันวัณณะต่างๆ เท่านั้น ยังไม่เป็นตัวแมว ยังไม่เป็นอะไรเลย แต่ต้องเห็นสี ถ้าไม่มีสีเลย แล้วเราจะบอกได้ไหมว่า นี่เป็นโต๊ะ นั่นเป็นกระเป๋า นั่นเป็นเก้าอี้ ไม่ได้ใช่ไหมคะ แต่เพราะเหตุว่าสิ่งที่ปรากฏทางตามีสีต่างๆ แล้วก็มีขอบเขต แม้แต่หน้า ก็มีส่วนที่เป็นคิ้ว มีส่วนที่เป็นตา มีส่วนที่เป็นจมูก ปาก เพราะสี ถ้าขาวไปหมดเลย บอกได้ไหมว่า ผม หรือตา หรือหน้า หรือจมูก ไม่ได้เลย นี่คือง่ายๆ ธรรมดาๆ ว่า ความจริงแล้วทางตาเห็นอะไร ตามธรรมจริงๆ ที่ถูกต้อง ต้องเห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น แต่หลังจากนั้นแล้วคิด พอเห็นแล้วคิดทันที จึงได้รู้ว่า เห็นนก เห็นคน เห็นสัตว์ แต่ถ้าไม่คิด ถามว่าเห็นอะไร เห็นก็ไม่รู้ว่าเห็นสิ่งนั้นหรือเปล่า อย่างในห้องนี้ถามว่ามีอะไรบ้าง สิ่งที่ปรากฏทางตามีทุกสี แต่เราคิดถึงรูปร่างสัณฐานของสิ่งนั้นพอที่จะบอกไหม หรือเราไม่ทันคิด
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเป็นจริงของธรรม เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ที่สำคัญที่สุด คือ ต้องฟังพระธรรมต่อไป ไม่มีหนทางอื่น ในเมื่อธรรมะความจริงก็คืออย่างนี้ สิ่งที่ปรากฏทางตาจะเป็นอื่นไปไม่ได้ ก็ต้องเป็นรูปชนิดหนึ่งสามารถปรากฏเมื่อกระทบกับจักขุปสาท (ตา) โดยมีกรรมเป็นปัจจัยทำให้มีการเห็นเกิดขึ้น สิ่งที่ควรรู้ ก็รู้อย่างนี้ และกำลังปรากฏอย่างนี้ แต่เพราะความไม่รู้ที่สะสมมามีมากก็ต้องฟังจนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจขึ้นว่าสภาพที่ปรากฏก็เป็นแต่เพียงสิ่งที่มีจริง เป็นธรรมะ ไม่ใช่ใครอื่นใดเลย เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้เท่านั้นเห็นก็เป็นธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง คือ เป็นจิตประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นทำกิจเพียงเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ไม่ใช่สัตว์บุคคลที่เห็น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...