ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ซาบซึ้งในหทัย [ครั้งที่ 19] ตอน อย่างนี้ถูกไหม? อีกนานไหม?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สืบเนื่องจากที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้รับเชิญจากคุณเมตตา ชัยศรีโสภณกิจและคุณหนิง (น้องสาว) เพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านครัวดอกไม้ขาว สาขาถนนบำรุงเมือง เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา
แม้จะเป็นเพียงการรับประทานอาหารในช่วงเวลาสั้นๆ และในช่วงที่กำลังรับประทานอาหาร ก็เป็นเวลาเที่ยงที่มีผู้มารับประทานอาหารเต็มร้าน มีเสียงต่างๆ ทั้งเสียงพูดคุยกัน เสียงจาน เสียงช้อน เสียงลากเก้าอี้ ฯลฯ การสนทนาบนโต๊ะอาหารจึงจำกัดอยู่เฉพาะผู้ที่นั่งใกล้ๆ กันเท่านั้น
แต่แม้กระนั้น เวลาเล็กๆ น้อยๆ หลังรับประทานอาหารเสร็จ ก็มีค่าอย่างยิ่ง แก่ผู้ที่เงี่ยโสตลงสดับ ในคำเพียงไม่กี่คำ ที่ท่านอาจารย์กล่าวแก่ผู้ร่วมโต๊ะอาหารในวันนั้น ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เสียงต่างๆ เงียบสงบลง สำหรับข้าพเจ้าแล้ว แม้เพียงประโยคสั้นๆ คำสั้นๆ ก็ทำให้จดจำ ย้ำเตือน แน่นหนักลงในหทัย คำที่ท่านอาจารย์กล่าว ในขณะที่ท่านลุกขึ้นยืนก่อนเดินทางกลับ ว่า "ไม่ต้องคิดว่าเราถึงไหน แค่เข้าใจให้ถูกต้อง" เป็นคำที่ดังก้องอยู่ ด้วยความซาบซึ้งใจ และปีติแก่หัวใจอย่างยิ่ง เป็นคำกล่าวที่เป็นเหมือนการให้กำลังใจ แก่ผู้ร่วมสนทนาในวันนั้น ซึ่งได้ปรารภกับท่านอาจารย์ว่า บางครั้ง ตนเองก็คิดและพิจารณาว่า ที่คิดว่ามีความเข้าใจธรรมนั้น จริงๆ แล้ว เป็นความคิดว่า "เราเข้าใจ" หรือเป็น "ความเข้าใจ" (ปัญญา) กันแน่?
อนึ่ง คำจริง ไม่ว่าจะพูดโดยนัยไหน ใช้คำต่างกันอย่างไร หากเป็นคำจริงถูกต้อง ตรงตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ย่อมเป็นคำที่เกื้อกูล ตอกย้ำ นำไปสู่ความมั่นคงขึ้นในหนทางของการอบรมเจริญปัญญา ตามกำลังของความเข้าใจของแต่ละบุคคล ซึ่งจะเป็นความเข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น ทีละเล็ก ทีละน้อย ดังที่ท่านอาจารย์กล่าวย้ำเตือน บ่อยๆ เพื่อรู้เท่าทันถึงกิเลส ความติดข้อง ต้องการ ที่อยากจะรู้เร็วๆ มากๆ ซึ่งเมื่อข้าพเจ้าขับรถเดินทางกลับ ก็ได้มีการพูดคุยกับอาจารย์สงบ เชื้อทอง และพี่แดง (พลอากาศตรีหญิง กาญจนา เชื้อทอง) ที่นั่งรถไปด้วยกัน โดยอาจารย์สงบได้กล่าวเปรียบเปรยให้ฟังว่า เปรียบเหมือนเด็กนักเรียนเตรียมอนุบาล ถามหาความเข้าใจในความรู้ระดับดอกเตอร์ ซึ่งจะเป็นไปได้ไหม? อะไร? ที่ทำให้บุคคลที่เริ่มศึกษาธรรม ได้ฟังและเข้าใจ เพียงนิดๆ หน่อยๆ หลงคิดไปว่า จะมีความเข้าใจมากๆ เร็วๆ อย่างนั้นได้!!!
ความติดข้อง ต้องการ (โลภะ) ที่แฝงอยู่ในใจของทุกคนนั้น แนบเนียนสนิทยิ่งนัก ที่จะชักพาไปสู่หนทางที่ผิดได้โดยง่าย (ท่านเปรียบเหมือนเพื่อนสนิท ติดตามไปด้วยในทุกหนทุกแห่ง) ขณะที่ทุกท่านยืนรอเพื่อกราบลาส่งท่านอาจารย์ที่หน้าร้าน ท่านอาจารย์มีเมตตาเดินเข้ามาหาและกล่าวแก่ข้าพเจ้าในท้ายที่สุดว่า ลองคิดดูว่าจะนานสักเท่าไหร่ ที่ "ปัญญา" เขาจะค่อยๆ "รู้และละ" จนละเอียด จนทั่ว จนเกลี้ยงเกลา จนไม่เหลือเลย...กราบแทบเท้าท่านอาจารย์ ขอรับ ความเมตตาของท่านอาจารย์เพียงเท่านี้ ก็มีค่ามากมายนักหนาแก่ชีวิตในชาตินี้ของข้าพเจ้าแล้ว เป็นคำสั้นๆ ที่ย้ำเตือนแก่ใจ ในความมั่นคงขึ้นแห่งศรัทธาว่า ความรู้กับความไม่รู้ ชาติแล้วชาติเล่า ต่างกันอย่างที่บุคคลที่ไม่รู้ ย่อมไม่มีวันที่จะรู้ได้เลยจริงๆ ใครเลยจะช่วยใครได้ ถ้าไม่มีวันนี้ที่เข้าใจขึ้น วันหน้าที่จะประจักษ์แจ้งความจริงตรงตามที่ได้ฟัง ย่อมมีไม่ได้อย่างแน่นอน ทุกคนปรารถนาสุข ไม่อยากมีทุกข์ แต่...ขณะนี้กำลังเป็นทุกข์ ใครรู้? กำลังเห็น ก็เป็นทุกข์ ใครรู้? กำลังได้ยิน ก็เป็นทุกข์ ใครรู้ น่าสงสารไหม? ที่ไม่รู้!!! ใครไม่รู้? สงสารใคร?
(ขอบพระคุณและอนุโมทนาภาพที่ประทับใจอีกครั้งหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ จากคุณนภา จันทรางศุ ครับ)
คำที่ท่านกล่าวในวันนี้ที่ว่า "ไม่ต้องคิดว่าเราถึงไหน แค่เข้าใจให้ถูกต้อง!!!" ทำให้ข้าพเจ้าหวนคิดถึงคำที่ท่านอาจารย์เมตตากล่าวเตือนทุกคนที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ว่า "ฟังให้เป็น" (คือ เข้าใจสิ่งที่กำลังฟัง เข้าใจคำที่ได้ฟัง) และอีกประโยคหนึ่ง ที่หัวหิน (ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ เดอะรอยัล ปริ๊นเซส คอนโดมิเนียม หัวหิน ๖-๘ กันยายน ๒๕๕๙) ที่ผ่านมา ว่า "การฟังธรรมะ เผินไม่ได้เลย ไม่ต้องไปฟังเยอะ!!! ขอให้เข้าใจ คำที่ได้ฟัง!!!" ไปๆ มาๆ "หัวใจ" ของการฟังหรือการศึกษาธรรมะ มีเพียงประการเดียว ซึ่งท่านอาจารย์มีเมตตา พูดเตือนบ่อยๆ คือ "ฟังและเข้าใจสิ่งที่ได้ฟัง" ดูเหมือนง่ายๆ เพียงเท่านี้เอง!!!...แต่....ฟัง...แล้วก็...ลืม!!!!...
นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันและตอบคำถามในใจของทุกคนได้เป็นอย่างดีไหม? ว่า ฟังอย่างนี้ ถูกไหม? และ ต้องฟังอีกนานไหม?
กราบเท้าท่านอาจารย์
ขอบพระคุณและอนุโมทนาพี่เมตตาและคุณหนิง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
.........
ขอเชิญคลิกชมลิงค์ที่เกี่ยวข้อง ได้ที่นี่...ฟังธรรมครั้งแรกยากที่สุด เพราะเหมือนกับพลิกโลกเลย
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาขอบคุณเมตตา ชัยศรีโสภณกิจและคุณหนิงรวมทั้งคุณวันชัย ภู่งามที่ทำให้เสมือนติดตามท่านอาจารย์และได้ฟังพระธรรมเสมอมา