เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา ... ทำขนมปัง ไม่ใช่กิจของพระภิกษุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 7] พระวินัยปิฎก มหาวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ ๘๔
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันอามิสที่เก็บไว้ในภายในที่อยู่ ที่หุงต้มในภายในที่อยู่ และที่หุงต้มเอง รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ.
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อามิส ถ้าเก็บไว้ในภายในที่อยู่ หุงต้มในภายในที่อยู่ และหุงต้มเอง ถ้าภิกษุฉันอามิสนั้น ต้องอาบัติทุกกฏ ๓ ตัว.
[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓หน้าที่ ๙๕๙
อนึ่ง ภิกษุใด ถึงความซื้อขายด้วยรูปิยะมีประการต่างๆ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์
[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๙๔๐
อนึ่ง ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.
การหุงต้ม การประกอบอาหาร การทำขนม เป็นกิจของคฤหัสถ์ พระภิกษุเป็นบรรพชิตเป็นเพศที่สละอาคารบ้านเรือน มุ่งประโยชน์เพื่อศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลส น้อมประพฤติตามพระธรรมวินัย ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมาทำกิจเหมือนคฤหัสถ์ เพราะถ้าทำกิจของคฤหัสถ์ก็ต้องเป็นคฤหัสถ์ ไม่ใช่บรรพชิต, การหุงต้มประกอบอาหาร ทำขนม เป็นเรื่องยุ่งยาก เป็นเครื่องกังวล มีกิจมาก ไม่สงบ ไม่งาม ไม่ควรสำหรับเพศบรรพชิต และที่สำคัญกิจหน้าที่ของพระภิกษุคือศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสของตนเอง และ มีความประพฤติคล้อยตามพระวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ จะประพฤตินอกพระธรรมวินัยไม่ได้ ในเมื่อพระภิกษุประกอบอาหาร ไม่ได้ ก็ต้องไม่ทำ ถ้าล่วงละเมิดพระวินัยบัญญัติ ก็เท่ากับไม่มีความเคารพยำเกรงในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นโทษกับตนเองโดยส่วนเดียว เพราะพระภิกษุหุงต้มประกอบอาหาร ต้องอาบัติทุกกฏ (บริโภคในสิ่งที่หุงต้ม ก็เป็นอาบัติทุกกฏเพิ่มอีก) และถ้าเกี่ยวกับการรับเงินรับทอง เกี่ยวกับการค้าขาย ก็เป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ กล่าวได้ว่าเป็นอาบัติโดยตลอด, สิ่งที่ควรนับถือยกย่องชื่นชมสรรเสริญ คือ การศึกษาพระธรรมและน้อมประพฤติตามพระวินัย ไม่ใช่ไปยกย่อง ทึ่ง ในความประพฤติผิดพระวินัยของพระภิกษุ เพราะเหตุว่า บรรพชิตกับคฤหัสถ์ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...