โดยส่วนตัวของหนู หนูก็ว่าไม่เหมาะที่บรรพชิตจะทำอาหารเอง แต่มีบางท่านกล่าวว่า พระพุทธเจ้า ไม่ได้บัญญัติไว้ว่าห้ามทำให้คนอื่นทาน บัญญัติแค่ว่าห้ามทานเอง
ขอความกรุณาอาจารย์ด้วยนะคะ คือบางความคิด ก็ทำให้หนูอดสงสัยตามเค้าไม่ได้ ขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้าค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การประกอบอาหารเอง ด้วยการมีหม้อหุงข้าว กระทะ น้ำมันพืช เป็นต้น อยู่ในกุฏิ อยู่ในที่พัก ล้วนเป็นพฤติกรรมที่ไม่ได้แตกต่างไปจากคฤหัสถ์เลย เหมือนคฤหัสถ์ทุกประการ ถ้าเป็นอย่างนี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้เลี้ยงยาก ก็ไม่ได้เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสเลยมาแต่น้อย แต่เป็นการเพิ่มโทษให้กับตนเอง ด้วยการต้องอาบัติ ทั้งในการประกอบอาหารเอง และฉันอาหารที่ตนเองประกอบ ซึ่งไม่ถูกต้องโดยประการทั้งปวง เพศบรรพชิตเป็นเพศที่จะต้องขัดเกลาเป็นอย่างยิ่ง สำคัญที่สุด คือ ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจ แล้วมีความจริงใจที่จะน้อมประพฤติตามพระธรรม งดเว้นในสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้าม แล้วประพฤติในสิ่งที่พระองค์ทรงอนุญาต ครับ ภิกษุประกอบการทำอาหารเอง ต้องอาบัติทุกกฏครับ และถ้าฉันอาหารที่ทำเอง ก็ต้องอาบัติทุกกฏอีกตัวเช่นกันครับ ดังนั้นพระภิกษุไม่สมควรทำอย่างคฤหัสถ์คือประกอบอาหารเอง ควรประพฤติขัดเกลาและศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ...
ห้ามพระภิกษุฉันอามิส และหุงต้มเอง [มหาวรรค]
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้าทำตัวเหมือนกับคฤหัสถ์ ก็จะไม่มีความแตกต่างกันระหว่างบรรพชิตกับคฤหัสถ์ การหุงต้ม การประกอบอาหาร เป็นกิจของคฤหัสถ์ พระภิกษุเป็นบรรพชิตเป็นนักบวช ไม่ควรทำกิจเหมือนคฤหัสถ์การหุงต้มประกอบอาหารเป็นเรื่องยุ่งยาก เป็นเครื่องกังวล มีกิจมาก ถ้าพระภิกษุมัวไปทำอาหารอยู่ ย่อมไม่มีเวลาศึกษาพระธรรมวินัย การทำอาหารเอง ตลอดจนถึง ทำให้คนอื่นทาน ควรเป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์ ไม่ใช่บรรพชิต ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...