ปาราชิก ๔
ถ้าภิกษุไปบ้านของตนเอง แล้วถือสิ่งของนั้นออกมาจากบ้าน ของสิ่งนั้นคือของพ่อของแม่ ต้องอาบัติปาราชิกมั้ย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระภิกษุสละทรัพย์สินเงินทอง สละวงศาคณาญาติ สละความเป็นคฤหัสถ์ทุกอย่าง มุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสของตนเอง ซึ่งจะต้องศึกษาพระธรรมให้เข้าใจและน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ในประเด็นคำถาม ถ้าถือเอาด้วยเจตนาลักขโมย (มีจิตคิดจะลัก) และสิ่งของนั้น ได้ราคา ๕ มาสก ก็ต้องอาบัติปาราชิก [๕ มาสก เทียบเท่าด้วย น้ำหนักทองคำกับข้าวเปลือก ๒๐ เมล็ด กล่าวคือ เอาข้าวเปลือก ๒๐ เมล็ดมาชั่ง ได้น้ำหนักเท่าใด น้ำหนักทองคำเท่านั้น ตีเป็นค่าเงินออกมา] แต่ถ้าถือเอาไม่ใช่ด้วยเจตนาลักขโมย แต่ถือเอาด้วยอำนาจแห่งความคุ้นเคยกัน ไม่ต้องอาบัติ แต่ในกรณีหลัง นี้ ถ้าหากบิดามารดา มาทวงของนั้น คืน ก็ต้องคืนให้ หรือ ถ้าได้ใช้ของนั้นไปแล้ว ก็จะต้องชดใช้สิ่งอื่นทดแทน ตามสมควร
ความเป็นพระภิกษุ อยู่ที่การศึกษาพระธรรมและน้อมประพฤติตามพระวินัย จะไปทำอะไรๆ ต่างเหมือนอย่างคฤหัสถ์ ไม่ได้ เพราะมีเพศที่แตกต่างไปจากคฤหัสถ์อย่างสิ้นเชิง และถ้าประมาท ล่วงละเมิดสิกขาบทต่างๆ ย่อมมีโทษ เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ถ้าไม่ปลงอาบัติ ไม่กระทำคืนให้ถูกต้องตามพระวินัย มรณภาพ (ตาย) ในขณะที่ยังมีอาบัติติดตัวอยู่ ก็ไปอบายภูมิ ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...