อยากสอบถามเรื่องการบริจาคทาน แต่ลดภาษีได้ครับ วางใจยังไงครับ

 
สืบต่อพุทธ
วันที่  24 พ.ย. 2559
หมายเลข  28373
อ่าน  1,015

ไม่ทราบว่าถ้าเราบริจาคทาน แต่เราสามารถลดภาษีได้ เราจะคิดยังไงให้การทำบุญ ไม่เจือโลภะครับ คือใจตั้งใจบริจาคทาน แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าดี จะได้มาใช้ลดภาษีได้ด้วย

ขอบคุณครับ สาธุ สาธุ สาธุครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 พ.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าเข้าใจถูกในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม คือ บังคับบัญชาไม่ได้ มีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น ไม่ว่ากุศล หรือ อกุศล เพราะฉะนั้น สภาพธรรมที่ชื่อว่าจิต เกิดขึ้นและดับไป สืบต่อกันอย่างรวดเร็ว นับประมาณไม่ได้ เพราะฉะนั้น ปุถุชนผู้หนาไปด้วยกิเลส จึงมากไปด้วยอกุศลที่เกิดขึ้นเป็นปกติ มากกว่าอกุศลมาก แม้ขณะที่ไม่ให้ทาน แม้ขณะนี้ อกุศลเกิดมากมายนับไม่ถ้วน เพราะฉะะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องการบังคับ ที่จะวางใจ ให้เป็นกุศล ไม่ให้หวัง เรื่องลดหย่อนภาษี ไม่ให้เกิดความติดข้อง เพราะ ล่วงเลยฐานะ และ ลืมความเป็นอัตตา แต่หนทางการอบรมปัญญา คือ การเข้าใจถูกในความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ แม้ ความติดข้อง ความหวัง ความต้องการ ที่เกิดในขณะนั้น ก็มีจริง ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม จนกว่าจะเข้าใจในขณะนั้นจริงๆ ซึ่งเป็นหนทางการละกิเลส ละโลภะ อย่างแท้จริง

พระธรรมที่เป็นความเห็นถูก จึงเป็นสิ่งที่เกื้อกูลพุทธบริษัทให้เดินไปในหนทางที่ถูกต้อง ไม่ตกไปในทางที่ผิด ตกไปในทางที่จะทำ ทางที่จะละด้วยความเป็นตัวตน ที่จะวางใจ ที่จะเอามาใช้ ซึ่งไม่ใช่ พุทธะ ที่เป็นปัญญา ที่เป็นหนทางอนัตตา คือ บังคับบัญชาไม่ได้ และ เข้าใจในสิ่งที่เกิดแล้วว่าเป็นปกติ เป็นธรรม อันเป็นหนทางเดียวในการดับกิเลส เพราะ รู้จักกิเลสตามความเป็นจริงว่าไม่ใช่เรา ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
panasda
วันที่ 24 พ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 24 พ.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับบัญชาให้สภาพธรรมเกิดขึ้นได้ เพราะธรรมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

ความติดข้อง เป็นธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง คือ เป็นโลภะ ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น มีเป็นปกติในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมไปตามลำดับ จะรู้ว่าพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น เป็นไปเพื่อละ เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสโดยตลอด แม้ในเรื่องของการเจริญกุศล (ทำความดี) เช่น ให้ทาน เป็นต้น ก็ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง, กุศลเป็นสภาพธรรมฝ่ายดี ควรที่จะอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นจะเบาสบาย ผ่องใส ซึ่งจะตรงกันข้ามกับขณะที่จิตเป็นอกุศลอย่างสิ้นเชิง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
สิริพรรณ
วันที่ 24 พ.ย. 2559

ความเข้าใจพระธรรม นำไปสู่การละความไม่รู้ ความติดข้อง สิ่งที่ผูกพัน ความหวัง ความพอใจไปเรื่อยๆ ตามลำดับ จนกว่าจะละสิ่งที่ยากยิ่งที่สุด คือความเป็นตัวตน

เหตุนี้ การฟังพระธรรมเพื่อสะสมความเห็นถูกเข้าใจถูก จึงมีค่าสูงสุดในชีวิต

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wirat.k
วันที่ 26 พ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 26 พ.ย. 2559

กุศลจิตเกิดดับสลับกับอกุศลจิตก็ได้ แต่ปัญญาสามารถรู้ว่าแม้ขณะที่คิดอย่างนั้นก็เป็นธรรมไม่ใช่เราค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 28 พ.ย. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
tong9999
วันที่ 28 พ.ย. 2559

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 1 ธ.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
krumintdaroontham
วันที่ 7 ธ.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ