เกณฑ์กันมาบวช

 
apichet
วันที่  15 ธ.ค. 2559
หมายเลข  28437
อ่าน  1,730

ผมฟังอาจารย์สุจินต์ ฯ อาจารย์ ทรงเกียรติ ลิ้มนันทลักษณ์ ผู้ล่วงลับ มานานเกือบทุกวัน เพิ่งจัดงานบวชใหญ่มากคนบวชจำนวนมากที่บวชพระและสามเณรมาจากต่างจังหวัด 638 รูป และมาบวชเพิ่มอีก 89 รูป ผมเป็นหนึ่งในทีมงานที่จัด (ผมเป็นราชการและผู้บังคับบัญชามอบหมาย) เลี่ยงยาก แม้ว่าผมจะบอกกับคณะทำงานแล้วว่าเขามาบวชโดยไม่รู้อะไรเลยจะเป็นโทษกับเขาและเราและทำลายพระพุทธศาสนา แต่ไม่ค่อยมีใครฟังผมเลย เมื่อผมห้ามหรือทัดทานไม่ได้ก็เลย ต้องทำงานช่วยงานทุกอย่าง เตรียมสถานที่ เตรียมที่อาบน้ำเหมือนค่ายทหาร เตรียมหาอาหารเลี้ยงคนเป็นพัน รวมญาติที่ติดตามมาในกทม มารวมอยู่วัดเดียว งานหนักมากเพราะผมต้องบริการ ทั้งหมดทั้งพระเณร ผุ้บังคับบัญชา แม้ผมจะรู้ว่าการบวชแบบนี้เป็นโทษกับเขาเพราะไม่รู้อะไรเลยเกณฑ์มาหามาให้ครบจำนวนแล้วบวช อย่างที่ท่านอาจารย์พูดเป็นประจำ แต่ในเมื่อผมต้องทำก็ทำเต็มที่ ผมแค่รู้ตัวเจริญสติปัฏฐาน ขณะทำงานเป็นระยะ เห็นได้ยินได้กลิ่นรสสัมผัส ได้บ้าง เนื่องจากได้เห็นพระพุทธรูปให้ระลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ตลอดขณะทำงานเดินไปมาอยู่ในวัดหลายวัน ในภาพรวมผมรู้ว่าไม่ถูกต้องเลย ขณะทำพิธีบวช สามเณรกระทบตัวกันต่อยกันชุลมุนขณะทำพิธี ผมก็นึกขำแต่ก็ผ่านไปครับจนเสร็จพิธี เมื่อครบสามวันก็สึกกันบ้างกลับไปสึกที่ต่างจังหวัดบ้าง ผมเขียนมาเล่าเพราะอยากบอกอาจารย์ว่าแม้ผมจะมีความรู้ที่อาจารย์สอนทั้งวิทยุเช้าเย็น และผมฟังมากที่สุดคือ online แต่ไม่สามารถเสนอหรือห้ามใครให้ทำหรือไม่ทำอะไร ส่วนผมในเมื่อต้องทำก็ต้องทำครับอาจารย์ หากผมมีโอกาสที่จะพูดและแสดงความคิดเห็นว่าการบวชคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยผมจะพูดครับ

อภิเชษฐ ปานจรัตน์ บาบู


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 ธ.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ก็ต้องกลับมาตั้งต้นที่คำว่า บวช คืออะไร บวช เป็นการเว้นจากความติดข้อง เว้นจากอกุศลทุกอย่าง เว้นจากความเป็นคฤหัสถ์ทุกประการ เพื่อศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสในเพศที่สูงยิ่ง คือ เพศบรรพชิต ผู้ที่จะบวชเป็นบรรพชิต จะต้องเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยน้อมไปที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตจริงๆ ซึ่งต้องสละอาคารบ้านเรือน ญาติสนิทมิตรสหายวงศาคณาญาติ รวมถึงสละทรัพย์สินต่างๆ ที่เคยมีอยู่ด้วย และไม่คิดที่จะหวนกลับมาสู่ความเป็นคฤหัสถ์อีก นี้คือ ความจริงใจของผู้ที่บวช และที่สำคัญ ท่านเหล่านั้น ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นผู้ที่เข้าใจพระธรรม ไม่ใช่การทำตามๆ กันด้วยความไม่รู้

การบวชเข้าพรรษา บวชเมื่ออายุครบ ๒๕ (วัยเบญจเพศ) บวชภาคฤดูร้อน บวชหน้าไฟ ไม่มีในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีแต่บวช เพราะเห็นโทษของการอยู่ครองเรือน เห็นโทษของความเป็นคฤหัสถ์ เห็นโทษเห็นภัยของกิเลส มุ่งศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสของตนเองเป็นสำคัญ ดังนั้น ถ้าหากทำไปด้วยความไม่รู้ ไม่เข้าใจในความเป็นจริง ไม่ได้เป็นการส่งเสริมพระพุทธศาสนา ไม่เกิดผลดีต่อพระพุทธศาสนาเลยแม้แต่น้อย คิดว่าจะส่งเสริม แต่กลับเป็นการทำลาย เพราะเป็นไปกับความไม่รู้ และเป็นโทษกับผู้บวชด้วย เนื่องจากทำผิดพระวินัย อาบัติตั้งแต่เริ่มบวชเสร็จ ก็มีแล้ว คือ รับเงิน เมื่อออกจากพระอุโบสถ เป็นต้น และมีอีกมากมายที่จะทำผิด เพราะไม่มีความเข้าใจพระธรรมวินัย นั่นเอง, ความเจริญมั่นคงยั่งยืนของพระพุทธศาสนา อยู่ที่ มีผู้เห็นประโยชน์แล้วศึกษา มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง ผู้ที่เข้าใจแล้ว ก็กล่าวคำจริง ประกาศคำจริง ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดง เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นจะได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย

การบวช จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก และการยินดีในการบวชก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นเดียวกัน เป็นอันตรายมากทีเดียว ถ้าหากล่วงละเมิดพระธรรมวินัย ไม่ประพฤติตามพระวินัย เป็นผู้ย่อหย่อน ไม่รักษาพระวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติ ขาดความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัย ย่อมเป็นผู้มีอบายภูมิเป็นที่ไปในเบื้องหน้าเท่านั้น เมื่อต้องอาบัติแล้ว ไม่กระทำคืนตามพระวินัย ก็เป็นเครื่องกั้นการบรรลุมรรคผลนิพพาน กั้นการไปสู่สุคติด้วย แทนที่จะได้กระทำกิจที่ควรทำที่จะเป็นที่พึ่งสำหรับตนเอง แต่กลับไปเพิ่มอกุศล เพิ่มความไม่รู้ เพิ่มเหตุที่ไม่ดีให้กับตนเองที่จะทำให้ได้รับผลที่ไม่ดีในอนาคตข้างหน้า เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาเป็นอย่างมากทีเดียว

ประเด็นที่น่าพิจารณา คือ ถ้ามีจุดประสงค์ที่จะศึกษาพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้ เป็นคฤหัสถ์ก็ศึกษาได้ ถ้าเห็นว่าคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิ่งดีมีประโยชน์ เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมและปัญญา ก็ควรที่จะได้ศึกษาในทันที ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 15 ธ.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

แทนที่จะจัดให้มีการเกณฑ์กันไปบวช ก็จัดให้มีการสนทนาธรรมศึกษาธรรม แทนได้ เป็นทางออกที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะอะไรก็ตามที่เคยผิด เคยทำไปด้วยความไม่รู้ หรือ ทำตามๆ กันไปแบบผิดๆ ก็สามารถแก้ไขใหม่ได้ ตั้งต้นใหม่ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง จะเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น เป็นการดำรงรักษาพระพุทธศาสนา ด้วย เพราะการบวชไม่ใช่เรื่องเกณฑ์ ไม่ใช่การบังคับ แต่เป็นอัธยาศัยที่ผู้นั้นที่จะน้อมไปในเพศที่สูงยิ่ง คือ บรรพชิต ซึ่งจะมามีชีวิตเหมือนอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้ เช่น รับเงิน ไม่ได้, บริโภคอาหารหลังเที่ยง ไม่ได้ ดูหนังดูละคร ดูฟุตบอล ไม่ได้ เป็นต้น ที่สำคัญจะต้องศึกษาพระธรรม และประพฤติตามพระวินัย ถ้าไม่ศึกษาพระธรรม และไม่ประพฤติตามพระวินัย อบายภูมิ รออยู่ข้างหน้าแล้ว ไปได้ง่ายมาก จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Lertchai
วันที่ 15 ธ.ค. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 15 ธ.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Guest
วันที่ 16 ธ.ค. 2559

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 17 ธ.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ