พระขอเงิน
กรณีพระรับเงินที่ฆราวาสให้ กับพระขอเงินจากฆราวาส ผิดวินัยข้อเดียวกันหรือไม่ อย่างไรคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-การเอ่ยปากขอเงิน สำหรับพระภิกษุ เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะควรอย่างแน่นอน (แม้การเอ่ยปากขอในสิ่งที่เหมาะควร กับบุคคลผู้ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่บุคคลที่ปวารณาไว้ ยังไม่ได้เลย) ขณะที่มีการกล่าวคำอย่างนั้น ไม่ดีแล้ว เป็นอาบัติทุกกฏ และถ้าได้เงินมา ก็เป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์
-กรณีที่ไม่ได้มีการขอ แต่มีคนถวายเงิน แล้วพระภิกษุรับ พระภิกษุผู้รับเป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ไม่เว้นใครเลย ภิกษุใดก็ตาม รับเอง หรือ ให้คนอื่นรับ หรือ ยินดีในเงินและทอง ที่ผู้อื่นเก็บไว้เพื่อตน ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ ทั้งหมด
พระธรรมวินัย ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อการกำจัดกิเลสที่แต่ละบุคคลได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ แต่ถ้าไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เข้าใจถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัยแล้วโอกาสที่จะกระทำผิด ก็ย่อมจะมีได้ หรือในอีกกรณีหนึ่ง คือ ทั้งๆ ที่รู้ว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามพระธรรมวินัย แต่ก็มีเจตนาที่จะล่วงละเมิดสิกขาบทนั้นๆ เพราะกำลังของกิเลส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความไม่ละอาย ความไม่เกรงกลัวต่ออกุศล นั่นเอง สำหรับเงินและทองนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรแก่เพศพระภิกษุ โดยประการทั้งปวงเป็นเครื่องเศร้าหมองของบรรพชิตจริงๆ ทำให้เกิดความติดข้อง เป็นห่วงกังวล และไม่ต่างอะไรกับคฤหัสถ์ เพราะพระภิกษุ รับเงินและทองไม่ได้ เป็นอาบัติไม่มีข้ออ้างหรือข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น ชีวิตพระภิกษุ เป็นชีวิตที่ขัดเกลาเป็นอย่างยิ่ง เงินทองไม่จำเป็นสำหรับพระภิกษุ พระภิกษุผู้ที่ไม่ละอาย ไม่เคารพยำเกรงในพระธรรมวินัย ก็มีการล่วงสิกขาบทต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ การรับเงินรับทอง
การรับเงิน รับทอง เป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ การที่จะแสดงอาบัติข้อนี้ให้ตนเองเป็นผู้พ้นจากอาบัติได้ ต้องมีการสละให้ถูกต้องตามพระวินัยเสียก่อนแล้วจึงจะแสดงอาบัติตก แต่ถ้าไม่ทำการสละเลย แล้วแสดงอาบัติ ก็ไม่พ้นจากอาบัติ เป็นผู้มีอาบัติติดตัวเป็นอันตรายมากในเพศบรรพชิต ถ้ามรณภาพไป ชาติหน้าเกิดในอบายภูมิเท่านั้น เพศบรรพชิตต้องเคารพพระธรรมวินัย ถ้าต้องการเงิน ต้องการใช้เงิน ไม่ต้องบวช เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงในการบวช ก็เพื่อขัดเกลากิเลส เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อเพิ่มกิเลส ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...