อุเบกขาเวทนา เป็น อารมณ์เดียวกับ นิพพาน เลยหรือครับ

 
แสวงรวยสูงเนิน
วันที่  16 ม.ค. 2560
หมายเลข  28536
อ่าน  2,725

ในกลุ่มสายปฏิบัติ ที่ผมเคยได้ยินมา อธิบายว่า....

"อารมณ์" (เวทนา) ที่สัมผัสได้ถึงความ "ไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่ชอบ ไม่ชัง ไม่ดูด ไม่ผลัก" คือ อารมณ์แห่ง "นิพพาน"

ถ้าอธิบาย "นิพพาน" ในเนื้อหาอย่างนี้ ผมก็เลยไปปนกับ อุเบกขาเวทนา หรือ ผมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ และขออภัยล่วงหน้า ถ้าผมถามอะไรที่สูงเกินไป ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น กรุณาลบออกได้เลย และไม่จำเป็นต้องตอบข้อสงสัยผมก็ได้ ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ม.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง แสดงถึงความเป็นจริงทั้งหมด เมื่อกล่าวถึงธรรมแล้ว ไม่พ้นไปจากนามธรรม และ รูปธรรม, สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่ใช่นามธรรมก็เป็นรูปธรรมทั้งหมด นามธรรม แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ นามธรรมที่รู้อารมณ์ได้แก่ จิต และ เจตสิก และนามธรรมที่ไม่รู้อารมณ์ ได้แก่ พระนิพพาน ที่เป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิด ไม่ดับ แต่มีจริง พระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เท่านั้นที่ประจักษ์แจ้งพระนิพพานได้ และ ท่านเหล่านั้นก็รู้ได้ด้วยตนเองว่าท่านได้ประจักษ์แจ้งพระนิพพาน

การเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่า่งๆ เป็นได้ด้วยปัญญา และต้องเป็นปัญญาของแต่ละบุคคลจริงๆ ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องในหนทางที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์แห่งจิต คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้น ถ้าไม่มีปัญญาเลย ก็ไม่สามารถเป็นพระอริยบุคคล ได้

ซึ่งพระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ไม่เกิด ไม่ดับ จึงไม่มีความรู้สึกเวทนาในนิพพานเลย และ การรู้พระนิพพานต้องเป็นปัญญาขั้นสูงมากๆ จึงไม่ได้วัดที่พอมีความรู้สึกเฉยๆ จะมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ในขณะนั้น ครับ ปัญญาเท่านั้นที่รู้ ไม่ใช่ความรู้สึกของตัวเองเป็นตัวตัดสิน ซึ่งเป็นเรา ไม่ใช่ปัญญา

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 ม.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขณะที่มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ บุคคลนั้นจะมีเวทนา คือ ความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง ใน ๒ อย่าง คือ โสมนัสเวทนา ๑ อุเบกขาเวทนา ๑ ดังนั้น เวทนา เป็น เวทนา เป็นสภาพธรรมที่รู้สึก เป็นนามธรรมที่น้อมไปสู่อารมณ์ ส่วนพระนิพพาน เป็นนามธรรมที่ไม่รู้อารมณ์ ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า อารมณ์แห่งนิพพาน จึงไม่ถูก เพราะพระนิพพานไม่รู้อารมณ์ และ สายปฏิบัติ ก็ผิดแล้ว เพราะมีการทำด้วยความอยาก ความต้องการ ความเห็นผิด ย่อมไม่มีทางถึงพระนิพพาน มีแต่จะเพิ่มพูนกิเลสให้มากขึ้น เพราะฉะนั้น จึงควรอย่างยิ่งที่จะกลับมาตั้งต้นที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจ ด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ประมาทในคำจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แสวงรวยสูงเนิน
วันที่ 16 ม.ค. 2560

ครับ ผมก็เข้าใจมาแต่เดิมว่า "นิพพาน" ไม่น่าจะ "ตื้นๆ " แบบนี้ คงจะเป็นอย่างนี้กระมังจึงอ้างตัวเป็นพระ "อรหันต์" กันเป็นว่าเล่น ขออนุโมทนากับคำตอบที่ชัดเจนครับ

ขอบพระคุณ ทั้งสองท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kullawat
วันที่ 17 ม.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Mayura
วันที่ 19 ม.ค. 2560

อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
2491surin
วันที่ 21 ม.ค. 2560

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 26 ม.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
สิริพรรณ
วันที่ 1 มี.ค. 2561

กราบอนุโมทนา ขอบพระคุณ กุศลจิตท่านวิทยากร ทั้ง 2 ท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
thilda
วันที่ 7 มี.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ