ภิกษุจัดรายการธัมมะทางวิทยุ

 
ฉีฟ่งจื้อ
วันที่  20 ม.ค. 2560
หมายเลข  28547
อ่าน  969

เรียน ท่านวิทยากร ในปัจจุบันมีภิกษุจัดรายการธัมมะทางวิทยุโดยมีภิกษุเผยแพร่เฉพาะธัมมะมีโยมออกค่าสถานีให้หรือจัดตั้งมูลนิธินำเงินมาเป็นค่าสถานีไม่มีการบอกบูญ และประเภทหนึ่งภิกษุบอกบุญสร้างถาวรวัตถุต่างๆ โดยไปเช่าสถานี อยากทราบว่าภิกษุที่กล่าวมาจัดรายการได้หรือไม่

ขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 ม.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับพระภิกษุ ที่เป็นเพศบรรพชิต เป็นเพศที่สละหมดทุกอย่าง แตกต่างจากเพศคฤหัสถ์ราวฟ้ากับดิน คือ ไม่สามารถจะใช้ชีวิตดังเช่นคฤหัสถ์ได้อย่างเดิมเพราะ จุดประสงค์ของการบวช คือ การดับกิเลสจนหมดสิ้นเท่านั้น ซึ่งการจะดับกิเลสจนหมดสิ้น ก็ด้วยการอบรมเจริญปัญญา ซึ่งปัญญาจะเจริญได้ ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเท่านั้น

การเผยแพร่พระธรรมของพระภิกษุ ต้องไม่เป็นแบบคฤหัสถ์ เพราะชาวบ้านที่เข้าใจพระวินัยย่อมติเตียน เพราะเป็นแบบคฤหัสถ์ ขวยขวายมากและวุ่นวายด้วยกิจ ทั้งธุระ โทรศัพท์ ค่าใช้จ่าย ไม่พ้นเกี่ยวข้องเงินและทอง ค่าเช่าสถานี เอื้อผิดพระวินัยทั้งสิ้นครับ

เพราะฉะนั้นพระภิกษุจึงไม่ควรมาจัดสถานีวิทยุดังเช่น คฤหัสถ์

ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 20 ม.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมวินัย ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อการกำจัดกิเลสที่แต่ละบุคคลได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ แต่ถ้าไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เข้าใจถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัยแล้วโอกาสที่จะกระทำผิด ก็ย่อมจะมีได้ หรือในอีกกรณีหนึ่ง คือ ทั้งๆ ที่รู้ว่า เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามพระธรรมวินัย แต่ก็มีเจตนาที่จะล่วงละเมิดสิกขาบทนั้นๆ เพราะกำลังของกิเลส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ ความไม่ละอาย ความไม่เกรงกลัวต่ออกุศล นั่นเอง

สำหรับเงินและทองนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สมควรแก่เพศพระภิกษุ โดยประการทั้งปวงเป็นเครื่องเศร้าหมองของบรรพชิตจริงๆ ทำให้เกิดความติดข้อง เป็นห่วงกังวล และไม่ต่างอะไรกับคฤหัสถ์ เพราะพระภิกษุ รับเงินและทองไม่ได้ เป็นอาบัติไม่มีข้ออ้างหรือข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น ชีวิตพระภิกษุ เป็นชีวิตที่ขัดเกลาเป็นอย่างยิ่ง เงินทองไม่จำเป็นสำหรับพระภิกษุ พระภิกษุผู้ที่ไม่ละอาย ไม่เคารพยำเกรงในพระธรรมวินัย ก็มีการล่วงสิกขาบทต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ การรับเงินรับทอง

การรับเงิน รับทอง เป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ การที่จะแสดงอาบัติข้อนี้ให้ตนเองเป็นผู้พ้นจากอาบัติได้ ต้องมีการสละให้ถูกต้องตามพระวินัยเสียก่อนแล้วจึงจะแสดงอาบัติตก แต่ถ้าไม่ทำการสละเลย แล้วแสดงอาบัติ ก็ไม่พ้นจากอาบัติเป็นผู้มีอาบัติติดตัวเป็นอันตรายมากในเพศบรรพชิต เพศบรรพชิตต้องเคารพพระธรรมวินัย ถ้าต้องการเงิน ต้องการใช้เงิน ไม่ต้องบวช เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงในการบวช ก็เพื่อขัดเกลากิเลส เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อเพิ่มกิเลส การเรี่ยไรของพระภิกษุ ก็คือ การขอเงินชาวบ้าน อาบัติตั้งแต่เอ่ยปากขอ และรับมา ก็เป็นอาบัติอีก เป็นโทษโดยประการทั้งปวง คฤหัสถ์ ก็ต้องไม่สนับสนุนในการกระทำดังกล่าว ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 21 ม.ค. 2560

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Lertchai
วันที่ 21 ม.ค. 2560

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wirat.k
วันที่ 22 ม.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Tommy9
วันที่ 22 ม.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 23 ม.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Mayura
วันที่ 24 ม.ค. 2560

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kullawat
วันที่ 24 ม.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ