อยากทราบค่ะ
อาชีพนักแสดง ที่เล่นบทร้ายๆ ผู้ชายก็ทำไม่ดีฆ่าคน ผู้หญิงก็ไล่ตบตีแย่งผู้ชายกัน อยากจะทราบว่า ถ้าคนดูเกิดชอบ สนุกเวลาชม นักแสดงจะบาปไหมค่ะ หรือคนดูบางคนนำไปปฏิบัติตามจะทำให้นักแสดงคนนั้นบาปหรือเปล่าค่ะ ถึงแม้ว่านักแสดงจะไม่มีเจตนา ก็ถือว่าเป็นกรรมใช่ไหมคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บาป อกุศล ก็มีหลายระดับ ตามระดับของกิเลส บาป ที่เป็นเพียง เกิดขึ้นในจิตใจ ก็มีที่เพียงโกรธ หรือ ชอบ ไม่ได้แสดงออกมาทางกาย วาจา ก็เป็นบาป เป็นอกุศลแต่ไม่ใช่บาปที่มีกำลังที่ล่วงศีล ที่แสดงออกมาทางกาย วาจา ที่จะทำให้เกิดในอบายภูมิ เพราะ บาปนั้น ส่วนบาป อกุศลที่แสดงออกมาทางกาย วาจา แต่ไม่ถึงกับล่วงศีลก็มี เช่น โกรธ แสดงความไม่พอใจ บ่นกับตนเอง หรือ มีความติดข้อง ยินดีพอใจ และก็แสวงหาอาหาร มีการแต่งตัว แต่งตัวให้ผู้อื่นดู โดยไม่ได้เบียดเบียน ผู้อื่น อย่างนี้ ก็ไม่เป็นบาปที่ล่วงศีล แต่เป็นบาป อกุศลที่สะสมเป็นอุปนิสัยที่จะยินดีติดข้องมากขึ้น หรือ โกรธมากขึ้น และบาป อกุศลที่มีกำลัง ที่ถึงขนาดแสดงออกมาทางกาย วาจา และ มีการล่วงศีล เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม เป็นต้นเป็นบาปที่มีกำลัง และสามารถให้ผลไปเกิดในอบายภูมิได้ ครับ
ซึ่งอาชีพนักแสดง ไม่ได้เบียดเบียนทำร้ายใคร และไม่ได้ล่วงศีลห้า จึงไม่เป็นบาปในกรณีของการล่วงศีล ไม่ต้องไปอบายภูมิ เพราะการกระทำเหล่านี้ แต่เป็นบาป อกุศลในระดับที่จะสะสมเป็นอุปนิสัยที่ไม่ดี ในความติดข้องมากขึ้นได้ ครับ
ซึ่งในความเป็นจริงของปุถุชน ที่เป็นคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม บริโภคกาม หมายถึงขณะที่ยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส ในชีวิตประจำวัน แม้ติดข้องในอาหาร ในสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็เป็นคฤหัสถ์ผู้บริโภคกามแล้ว จะเห็นได้ว่าเราทั้งหลายก็คือ กามโภคี ผู้บริโภคกามอยู่เป็นประจำเพียงแต่ว่า พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ และ ตำหนิ ผู้ที่บริโภคกาม บางจำพวก
ผู้บริโภคกาม ที่ ใช้จ่ายทรัพย์บำรุงตน ที่หามาด้วยสุจริต และ จำแนกแจกทานและ อบรมปัญญา ศึกษาธรรม พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญโดยส่วนเดียว แม้จะเป็นผู้บริโภคกาม แต่ ก็ได้ ทำหน้าที่ที่สมควร และ หาเงินมาด้วยสุจริต
แต่ผู้บริโภคกาม ที่หาเงินมาด้วยการทำทุจริต พระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญ และ ไม่บำรุงตนเอง และ ไม่จำแนกแจกทาน ไม่อบรมปัญญา ศึกษาพระธรรม พระพุทธเจ้าก็ทรงติเตียน คฤหัสถ์ผู้บริโภคกามเหล่านี้
เพราะฉะนั้น การประกอบอาชีพอะไรก็ได้ ที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ล่วงศีล ชื่อว่าหาทรัพย์มาโดยชอบ และ เมื่อหาทรัพย์มาแล้ว ก็บำรุงตนเองและผู้อื่น พร้อมๆ กับการศึกษาพระธรรม พระพุทธเจ้าก็ทรงสรรเสริญ และ ชื่อว่า ใช้ชีวิตที่เหมาะสมในการเกิดเป็นมนุษย์ ครับ
ส่วนผู้ที่รับชม ก็สะสมอกุศลจิต แต่ ไม่ได้ล่วงศีล ๕ ก็ไม่เป็นเหตุให้ไปนรก เพราะฉะนั้น ต้องพิจารณาว่า การกระทำเหล่านั้น ถึงกับล่วงศีล ๕ หรือไม่ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงเล่นบทร้ายๆ หรือ เล่นบทใดๆ ก็ตาม หรือ ไม่ได้เป็นนักแสดง มีชีวิตเป็นไปในแต่ละวัน ส่วนใหญ่ก็เป็นอกุศลมากกว่ากุศล ขณะใดที่อกุศล เกิดขึ้น นั้น ไม่ดี เพราะเป็นธรรมฝ่ายที่ไม่ดีเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ จะบอกว่า ดี ไม่ได้ นี้คือ ความจริง และทั้งนักแสดง และ คนผู้ดูการแสดง ในที่สุดก็จะต้องละจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น แล้วอะไรจะเป็นสาระ เป็นสิ่งที่ประเสริฐสำหรับชีวิต ย่อมไม่พ้นไปจากการทำดี และ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ แม้ว่าจะมีอกุศลมาก แต่กำลังแห่งความดีและปัญญา จะเป็นที่พึ่ง ให้ไม่ทำอกุศลกรรมบถ และ ประคับประคองชีวิตให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควร ยิ่งขึ้น ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...