พระโสดาบันที่เป็นคฤหัสถ์

 
ฉีฟ่งจื้อ
วันที่  31 ม.ค. 2560
หมายเลข  28586
อ่าน  1,247

เรียน ท่านวิทยากร

ในปัจจุบันมีพระโสดาบันที่เป็นคฤหัสถ์หรือไม่ครับ จะพิจารณาอย่างไรว่าท่านเป็นพระโสดาบัน จริงอยู่ที่ปุถุชน ไม่สามารถรู้วาระจิตของผู้ที่ได้พระโสดาบัน แต่ก็สามารถอนุมานได้ไม่ใช่หรือครับ และถ้าได้ทำบุญกับท่านเช่นให้ทานจะมีผลเท่ากับภิกษุที่เป็นพระโสดาบันหรือไม่ ครับ

ขอบพระคุณมาก


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 31 ม.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ไม่มีใครรู้ นอกจากผุ้มีปัญญาและรู้วาระจิตจึงจะรู้ได้ นั่นคือ เป็นพระโสดาบันและรู้วาระจิต เพราะฉะนั้น สาระของชีวิต ไม่ใช่การได้บุญมาก เสาะแสวงหาพระอริยบุคคล แต่ หนทางที่ถูก คือ การเข้าใจพระธรรมหนทางการอบรมปัญญา อันเป็นบุญอันสูงสุด มากกว่าการทำบุญกับพระอริยะ เพราะฉะนั้น สำคัญที่ตนเอง ที่จะไม่ประมาทในการศึกษาพระธรรม ไม่ประมาทในการฟัง เคารพในพระธรรม ไม่ใช่เคารพในตัวบุคคล จึงฟังพระธรรม อบรมปัญญาต่อไปในหนทางที่ถูก คือ หนทางที่เข้าใจถูกว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 31 ม.ค. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลขั้นแรก ที่สามารถดับกิเลสได้ในระดับหนึ่ง ดับได้เป็นเพียงบางประเภท ยังไม่สามารถดับได้ทุกประการ เพราะผู้ที่จะดับกิเลสได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีเหลือนั้น คือ พระอรหันต์ การเป็นพระอริยบุคคลทุกขั้น เป็นได้ด้วยปัญญาและต้องดำเนินตามหนทางที่เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์หมดจดแห่งสัตว์ทั้งหลาย คือ อริยมรรค มีองค์ ๘ ที่เริ่มด้วย ความเห็นที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่า มีคนบอกว่าคนนั้นคนนี้เป็นพระโสดาบัน ก็จะเป็นตามนั้น เพราะถ้าไม่มีปัญญา ไม่ดำเนินตามหนทางที่ถูกต้องแล้ว ไม่สามารถเป็นพระอริยบุคคลได้เลย และที่สำคัญ การที่จะรู้ว่าใครเป็นพระอริยบุคคล ต้องมีปัญญาเข้าใจถูกเห็นถูก พร้อมทั้งเข้าใจด้วยว่าการเป็นพระอริยะเป็นได้ด้วยอะไร และเป็นพระอริยบุคคลที่เสมอกัน หรือ สูงกว่า จึงจะรู้ได้ บุคคลผู้มีปัญญาเท่านั้นถึงจะรู้ได้ว่าใครเป็นพระอริยบุคคลหรือไม่เป็นพระอริยบุคคล เพราะอะไรๆ ก็ไม่สามารถหลอกปัญญาได้

ปัญญาไม่สามารถจะเจริญขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ต้องค่อยๆ ฟังค่อยๆ ศึกษาไปตามลำดับ เพียงแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือ ชาตินี้ ยังไม่พอ ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีกเป็นเวลาอันยาวนาน (จิรกาลภาวนา) ซึ่งมีข้ออุปมาเหมือนการจับด้ามมีด เมื่อจับบ่อยๆ นานๆ รอยสึกย่อมปรากฏได้ ปัญญาก็เช่นกัน ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการสะสม ในการอบรม จึงจะเจริญขึ้นได้ เพราะฉะนั้น แทนที่จะไปคิดว่าใครเป็นพระโสดาบัน ทำบุญกับท่านแล้วจะได้ผลมากไหม ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า ในแต่ละภพในแต่ละชาติ มีชีวิตอยู่ก็เพื่อได้ฟังพระธรรม ได้สะสมอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น ไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาต่อไป และ การเจริญกุศลทุกประการ มีการให้ทาน เป็นต้น ควรที่จะเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลส ไม่ใช่หวังต้องการผล ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nopwong
วันที่ 31 ม.ค. 2560

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 2 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ประสาน
วันที่ 8 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 8 ก.พ. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ