การศึกษาเดียรัจฉานวิชาของคฤหัสถ์ ขวางกั้นมรรคผลนิพพานหรือไม่
กราบท่านอาจารย์ครับ เมื่อกล่าวถึงเดียรัจฉานวิชาที่พระพุทธองค์ตรัสว่าเป็นเครื่องขวางกั้นสวรรค์ และมรรคผลนิพพานนั้นก็ยังรวมถึงวิชาการทางโลกที่ชาวโลกศึกษากันอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระดับชั้นประถม มัธยม จนกระทั่งถึงมหาวิทยาลัย ก็ล้วนแต่เป็นการศึกษาเดียรัจฉานวิชาทั้งสิ้น แต่เนื่องจากว่าเพศของคฤหัสนั้นยังมีความจำเป็นที่จะต้องดำรงชีพด้วยการประกอบอาชีพต่างๆ ในทางโลก และยังจำเป็นต้องศึกษาเดียรัจฉานวิชาเพื่อการประกอบอาชีพ กระผมจึงสงสัยว่าเพศคฤหัสถ์นั้นไม่มีโอกาสบรรลุมรรคผลนิพพานได้เลยใช่หรือไม่ เพราะเหตุว่าคฤหัสถ์ยังต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกและเดียรัจฉานวิชาอยู่ แม้ว่าคฤหัสถ์จะศึกษาธรรมมามากเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยังต้องกลับไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกซึ่งกระผมเกรงว่าจะเป็นเครื่องขวางกั้นเพศคฤหัสถ์ไม่ให้มีโอกาสได้รู้แจ้งอริยสัจธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง จึงอยากให้ท่านอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องนี้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เดรัจฉานคำพูดที่ไม่เป็นประโยชน์ หรือ วิชา การศึกษาที่ไม่เป็นประโยชน์ที่เรียกว่า เดียรัจฉานกถา ดิรัจฉานกถา คำพูดที่กั้นสวรรค์และนิพพาน รวมทั้ง เดรัจฉานวิชา วิชาที่กั้นสวรรค์และนิพพาน ที่ไม่มีประโยชน์นั่นเอง
[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 217
อรรถกถาปฐมวัตถุกถาสูตรที่ ๙
บทว่า ติรจฺฉานกถ ได้แก่ เรื่องที่ขัดขวางทางสวรรค์และนิพานเพราะเป็นเรื่องที่ไม่นำสัตว์ออกทุกข์
ซึ่งการศึกษาทางโลก ก็คือ ขณะจิตนั้นต้องเป็นอกุศล คือ ขณะนั้นกำลังติดข้อง พอใจในเรื่องที่ศึกษา อกุศลไม่สามารถพาไปสุคติ กั้นสวรรค์ แต่ไม่ลืมว่า สภาพธรรมไม่ได้เกิดอกุศลตลอดเวลา บางขณะก็เกิด กุศลจิต และ พระโสดาบัน ผู้ปิดกั้นอบาย ก็ศึกษาศิลปะต่างๆ ก็เกิด อกุศลจิต แต่ เพราะ มีกุศลที่มีกำลังด้วย ก็ทำให้เกิดในสวรรค์และก็สามารถอบรมปัญญาในชีวิตประจำวันได้ ครับซึ่งคฤหัสถ์สามารถศึกษาวิชาการทางโลกได้ ตามที่กล่าวมา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ควรที่จะพิจารณาว่า วิชาทางโลกศาสตร์สาขาต่างๆ นั้น ไม่เหมาะควรแก่เพศบรรพชิต เพราะกิจหรือภาระหน้าที่ที่สำคัญของเพศบรรพชิต คือ ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมน้อมประพฤติตามพระธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการศึกษาพระวินัยให้เข้าใจก็จะทำให้รู้ได้ถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติห้ามไว้ และในส่วนที่พระองค์ทรงอนุญาตก็จะเป็นเครื่องอุปการะเกื้อกูลที่ดีให้ได้กระทำเฉพาะในสิ่งที่ถูกที่ควร และเว้นในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับเพศของตนซึ่งเป็นเพศที่สูงยิ่ง ถ้าย่อหย่อนไม่สำรวมตามพระธรรมวินัยย่อมมีแต่จะเพิ่มโทษคืออกุศลธรรมให้ตนเองโดยส่วนเดียว สำหรับพระภิกษุ ไม่ควรอย่างแน่นอน ถ้าเรียนวิชาทางโลก ก็ต้องอาบัติทุกกฏ ถ้าไม่กระทำคืน ไม่แสดงอาบัติ ก็เป็นผู้มีอาบัติ ก็เป็นเครื่องกั้นการบรรลุ มรรค ผล นิพพาน ได้
ส่วน คฤหัสถ์ ไม่ใช่บรรพชิต มีชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ยังมีความประพฤติเป็นไปในฐานะของคฤหัสถ์ ยังมีการศึกษาเล่าเรียนวิชาการต่างๆ ซึ่งเมื่อว่าโดยธรรม ก็ไม่พ้นจากความติดข้องต้องการ แต่ก็ไม่ใช่อกุศลกรรมบถที่เป็นการเบียดเบียนประทุษร้ายผู้อื่น ก็เป็นเพียงการสะสมอกุศลต่อไป อกุศล เป็นอกุศล จะดีไม่ได้ ซึ่งชีวิตของคฤหัสถ์ก็ยังสามารถที่จะศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมความดีในเพศของคฤหัสถ์ได้ แม้ว่าจะเป็นผู้ยังมากไปด้วยอกุศลอยู่ก็ตาม ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ศิลปะ ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ คือ การมีความรู้เพื่อตนเองและคนอื่น เป็นมงคลหนึ่งในมงคล ๓๘
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์