การให้ทานกับการตั้งความปรารถนา
เรียน ท่านวิทยากร
การให้ทานถ้าตั้งความปรารถนาไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเพื่อจะได้ฟังธรรมกับเหล่าพระโพธิสัตว์ จะถือว่าเป็นโลภะได้ไหม ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิตของใครก็ของคนนั้น ซึ่งผู้นั้นเป็นผู้รู้เองเป็นสำคัญครับ ซึ่ง ขณะที่หวังต้องการ ด้วยความติดข้องก็ไม่พ้นจากโลภะ ซึ่งโดยมาก ก็จะมีการทำบุญเพื่อปรารถนาให้เกิดในสรรค์ชั้นต่างๆ เพื่อได้ฟังพระธรรม ซึ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามเหตุปจจัย แทนที่จะหวังน้ำบ่อหน้าที่ยังมาไม่ถึง ชาตินี้ได้มีโอกาสได้พบพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง และยังไม่อันตรธาน ได้เกิดเป็นมนุษย์และอยู่ในประเทศที่สมควร ควรอย่างยิ่งที่จะอบรมปัญญาศึกษาพระธรรมตามกำลังของปัญญาเท่าที่ทำได้ เพราะหากไม่สะสมความเข้าใจในชาตินี้ ปัญญาไม่มีเพราะไม่ได้ศึกษาพระธรรม เพียงแต่ทำบุญมุ่งหวังในการเกิดชาติที่พบพระโพธิสัตว์ หากได้พบจริง แต่ไม่มีความเข้าใจที่ได้สสะสมมา ก็ไม่เข้าใจพระธรรมที่พระองค์ได้แสดงในชาตินั้น แม้จะได้พบพระองค์ก็ตามครับ
เพราะฉะนั้น สะสมความเข้าใจในชาตินี้ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น เมื่อได้พบผู้ที่เข้าใจพระธรรม ไม่ว่าใครในชาติใด เมื่อได้มีโอกาสฟังอีกก็ำทำให้เข้าใจมากขึ้น โดยไม่ต้องรอผลภายหน้า ดังนั้น ผู้ที่ไม่ประมาท คือ เริ่มจากการอบรมเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่เวลาอื่นๆ เพราะความเข้าใจพระธรรมที่เจิญขึ้น ก็เป็นบุญเก่าที่เป็นปุพเพกตปุญญตา ทำให้บุญนั้นน้อมไปที่จะได้พบสัตบุรุษเอง ได้ฟังพระธรรมจากสัตบุรุษ แม้จะไม่ได้อธิษฐานที่จะได้พบพระโพธิสัตว์ สวรรค์ชั้นดุสิต แต่เพราะบุญที่เกิดจากการเข้าใจพระธรรมก็ทำให้น้อมไปที่จะได้พบบัณฑิตในอนาคตเองในอนาคต เหมือนชาตินี้ที่เราได้พบพระพุทธเจ้า เพราะพระธรรมของพระพุทธเจ้า คือ ศาสดาแทนพระองค์นั่นเองครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ยากที่จะพ้นจากอำนาจของความอยาก ซึ่งเป็นทาสของความอยากมานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ แม้ให้ทานแล้วหวังผลอยากเกิดในสวรรค์ ก็ไม่พ้นจากความอยาก เพราะฉะนั้นแล้ว ที่จะมีค่าและเป็นการสะสมอุปนิสัยที่ดี คือ แทนที่จะไปคิดว่าจะไปฟังธรรมบนสวรรค์ ก็เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย เพราะถ้าไม่ฟังตอนนี้ ไม่สะสมอุปนิสัยในการฟัง แล้วจะมีเหตุปัจจัยให้ได้ฟังได้อย่างไร ก็อาจจะเป็นไปกับความเพลิดเพลินในสวรรค์ก็ได้ ไม่สนใจฟังพระธรรมและยิ่งถ้าเกิดในอบายภูมิแล้ว ขณะนั้นก็ไม่ได้ฟังพระธรรม จึงควรอย่างยิ่งที่จะเริ่มต้นด้วยความตั้งใจที่จะศึกษาธรรม เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ฟังส่วนไหน ศึกษาส่วนไหนแล้วเข้าใจขึ้น นี่แหละคือการเริ่มต้นค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย การฟังบ่อยๆ เนืองๆ จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้น ทำให้มีความมั่นคงในเหตุในผลของธรรม จนกว่าจะประจักษ์แจ้งได้จริงๆ ว่า ธรรมเป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยแล้วก็ดับไปเท่านั้นเอง ครับ.
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบคุณครับ อนุโมทนาสาธุ ต้องฟังพระธรรมไปตั้งแต่บัดนี้ ฟังบ่อยๆ เนืองๆ ครับ
จิตเกิดดับรวดเร็ว เดี๋ยวเป็นกุศล เดี๋ยวเป็นอกุศล ตามการสะสม การให้ทานเพื่อจุดประสงค์สละกิเลสจึงจะเป็นบารมี ถ้าปรารถนาอย่างอื่นก็ยังวนเวียนอยู่ในวัฏฏะ ค่ะ
พูดถึงการให้ทานก็คือ เป็นการให้เพื่อละความตระหนี่ ให้ทานโดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน ให้ทานบ่อยๆ เนืองๆ อย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นบารมี เมื่อถึงเวลากรรมก็จะให้ผลเองตามเหตุตามปัจจัย ตามการสะสม เพราะทุกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา สาธุ
ขออนุโมทนาครับ.