ทำไมอาจารย์สุจินต์ถึงตำหนิธรรมกายออกสื่อเพียงวัดเดียว ทั้งๆที่หลายๆวัดก็เป็นมิจฉาทิฏฐิที่ร้ายแรงไม่แพ้กัน
พระที่สอนผิด บิดเบือนพระธรรมและพระวินัย วัดที่รวมตัวกันกระทำในสิ่งที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เชื่อในสิ่งที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่ใช่แค่ธรรมกาย แต่มีมากมาย เหตุใดจึงเจาะจงธรรมกาย ซึ่งผมไม่ได้คัดค้านอะไร ในสิ่งที่ตำหนิธรรมกาย และเห็นด้วยหลายประการ แต่อยากเสนอให้อาจารย์สุจินต์ หากจะตำหนิอย่างเจาะจง ก็ให้ตำหนิให้ครบถ้วน ไม่งั้นจะกลายเป็นอาจารย์สุจินต์กล่าวการเมือง หรือ เห็นชอบกับ พระที่ตั้งม๊อบ พระที่เล่นการเมือง
ผู้คนโดยทั่วไป ตำหนิธรรมกาย น้อยรายนัก ที่จะตำหนิด้วยธรรม ด้วยเหตุและผล ส่วนมากจะตำหนิด้วยความหยาบคาย ไร้ความรู้ที่แท้จริงแห่งพระพุทธศาสนา บางคนเข้าใจว่า อาจารย์สุจินต์เป็นพวกอลัชชีอีกฝ่ายที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับธรรมกาย กระทู้นี้ไม่ได้คาดหวังให้วิทยากรมาแก้ตัวแทนอาจารย์ แต่โปรดนำสารนี้ไปถึงอาจารย์สุจินต์ ผมไม่อยากให้ผู้คนเข้าใจเจตนาอาจารย์สุจินต์ผิดไป เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของพุทธศาสนิกชนผู้ยังอ่อนมากในปริยัติ และความเข้าใจที่แท้จริงว่า ภิกษุคือใคร เป็นอย่างไร วินัยของภิกษุสงฆ์คืออย่างไร อะไรใช่ธรรม อะไรไม่ใช่ธรรม อะไรใช่วินัย อะไรไม่ใช่วินัย
คงไม่ต้องกล่าวว่า สังคมไทยแบ่งชัดเป็นสองฝ่าย ซึ่งล้วนเป็นอลัชชีด้วยกันทั้งสิ้น จะมีสักกี่คนที่ตระหนักได้ว่า ทั้งสองฝ่ายล้วนไม่ถูกต้อง จงตำหนิให้รอบด้าน พระรับเงินและทอง กฐินทองคำช่วยชาติ ความเป็นพระอรหันต์ การภาวนา สำนักปฏิบัติ ในเมื่อกล้าหาญจะตำหนิมิจฉาทิฏฐิของวัดแห่งหนึ่ง ก็จงกล้าหาญให้เป็นธรรม
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้าเป็นผู้แยบคายในการฟังพระธรรม และ ฟังโดยตลอด ครบถ้วน ไม่ใช่เพียงฟังเพียงบางส่วน หรือ ส่วนใด ส่วนหนึ่ง ก็จะทราบได้เลยว่ามูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา กล่าวธรรมตามความเป็นจริง รอบด้าน เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา ไม่เฉพาะธรรมกาย หรือ เรื่องหนึ่งเรื่องใด แต่ ทั้งพระภิกษุที่ผิดพระธรรมวินัย ทั้งพระภิกษุรับเงินและทอง ทั้งสำนักปฏิบัติทำลายคำสอน และ พระภิกษุ ชุมนุมประท้วง ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด เพราะฉะนั้นผู้ฟัง จึงความเป็นผู้แยบคายในการฟัง และ ฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่ใช่สรุปเพียงประเด็นใด ประเด็นหนึ่งเพราะทางมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่ะพระพุทธศาสนาได้กล่าวในทุกๆ เรื่องที่ผิดพระวินัย ผิดตามหลักคำสอนมาทั้งหมด ครับ
การกล่าวธรรม กล่าวสัจจะ ความจริงไม่มีโทษ เป็นประโยชน์ ด้วยจิตที่เกื้อกูลและดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา ครับ
ขอเชิญคลิกชมวีดีโอการสนทนาธรรม กับ ท่าน อ.สุจินต์และวิทยากร ในหลายๆ เรื่อง ไม่ใช่เพียงเรื่อง ธรรมกายดังนี้
สำนักปฏิบัติ เป็นสำนักที่ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา ตามพระธรรมวินัย
ภิกษุ ผู้รับเงินและทอง คือ ผู้หมายปองอบายภูมิ
บวชแล้วไม่ศึกษาพระธรรมวินัย หลอกลวงตั้งแต่เริ่มบวช
และคลิกชมวีดีโออื่นได้ที่นี่ที่ยังมีประเด็นอื่นๆ อีกมากมาย ครับ
นี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ไม่ได้จำเพาะเจาะจงเรื่องใด แต่กล่าวทุกๆ เรื่องที่ผิดคำสอน และไม่ตรงตามพระธรรม ซึ่งขอแนะนำผู้ถามว่าควรฟัง อ่าน วีดีโอ ของมูลนิธิ ให้มากกว่านี้ ตามช่องทางที่ให้ไว้ ก็จะไม่สรุปว่ากล่าวเฉพาะบางกลุ่ม บางเรื่อง ครับ และ ในส่วนใครจะมองใครอย่างไร นั้น ก็ตามการสะสมของแต่ละคน ผู้มั่นคงในสัจจะ ย่อมกล่าวคำจริงตรงตามพระธรรม ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
แสดงให้เห็นถึงความสำคัญจริงๆ ของการที่มีโอกาส ได้ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจ เพราะจะทำให้ได้ เข้าใจอย่างถูกต้องว่า สิ่งใด เป็นสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งใด เป็นสิ่งที่ผิด ก็จะได้ไม่ส่งเสริมในสิ่งที่ผิด สิ่งที่ผิด ก็ ต้องผิด ไม่ว่าจะเป็นใครทำ สำนักไหนทำ เป็นต้น ไม่ ควรเห็นดีเห็นงามไปกับสิ่งที่ผิด ก็ย่อมเป็นการ ช่วยกันรักษาพระธรรมวินัย ด้วยความเข้าใจถูกเห็น ถูกของแต่ละบุคคล และสามารถที่จะเกื้อกูลผู้อื่นให้ ได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตามไปด้วย ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
เพราะเอ่ยชื่อบุคคล ชื่อวัด หรือเปล่า เลยดูเหมือนตำหนิตัวบุคคล ลองสมมติว่าเอาชื่อออก เหลือแต่ความประพฤติกับเหตุผลว่าถูกหรือผิดวินัยพอ
เรียน ความเห็นที่ 6 ครับ
พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวก เมื่อมีพระภิกษุทำผิด ก็กล่าวตำหนิ และ เอ่ยชื่อบุคคลนั้น เพื่อให้บุคคลนั้นเห็นโทษและเพื่อความสงบของหมู่ภิกษุสงฆ์และให้เห็นว่า การกระทำของพระภิกษุนั้นไม่ควร ดั่งเช่น กล่าวตำหนิพระเทวทัต เป็นต้น ดังนั้น การกล่าวความจริง เอ่ยชื่อ ด้วยจิตอนุเคราะห์ และ ให้เห็นว่าผิด รวมทั้งเอ่ยชื่อ เพื่อให้บุคคลที่ยังไปเชื่อในทางผิดได้รู้ จึงเป็นเรื่องสมควร ดังนั้น การกล่าวตำหนิ ติเตียน ด้วยจิตอนึเคราะห์ นึกถึงประโยชน์ของผู้อื่นที่เข้าใจผิด เชื่อผิดอยู่จึงเป็นสิ่งที่ถูกธรรม ตามความเป็นจริง ครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุญาตวิเคราะห์ความเห็นของเจ้าของกระทู้นะครับ (ไม่ได้แก้ต่างแทนท่านอาจารย์สุจินต์นะครับ) ท่านเจ้าของกระทู้กล่าวว่า
"จงตำหนิให้รอบด้าน พระรับเงินและทอง กฐินทองคำช่วยชาติ ความเป็นพระอรหันต์ การภาวนา สำนักปฏิบัติ ในเมื่อกล้าหาญจะตำหนิมิจฉาทิฏฐิของวัดแห่งหนึ่ง ก็จงกล้าหาญให้เป็นธรรม"
ดูเสมือนท่านประสงค์ให้ตำหนิภิกษุผู้กระทำผิดพระธรรมวินัยทั้งหลายว่า เป็นใครบ้าง วัดไหนบ้าง สำนักไหนบ้าง ทำผิดพระวินัยอย่างไร ให้ชัดเจนและเท่าเทียมกันกับกรณีธรรมกาย ซึ่งจริงๆ ก็ควรเป็นเช่นนั้น หากเป็นสมัยธรรมเจริญ อธรรมเสื่อมถอย สมัยวินัยเจริญ อวินัยเสื่อมถอย
แต่ว่าสมัยปัจจุบันมิใช่เช่นนั้นเสียแล้ว ภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยซึ่งท่านเจ้าของกระทู้ก็ยอมรับเหลืออยู่น้อยมากๆ ส่วนใหญ่เป็นภิกษุที่ไม่เคารพต่อพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีชาวพุทธอีกจำนวนมากไม่เข้าใจพระธรรมวินัยอย่างถ่องแท้ และมีจำนวนไม่น้อยที่สนับสนุนเห็นพ้องกับการกระทำที่ผิดวินัยนั้น เช่น ให้เงินให้ทอง สนับสนุนสำนักปฏิบัติ บูชายกย่องภิกษุบุคคลมากกว่าพระธรรมวินัย ยังหลงอยู่ในเครื่องลาง ของขลัง ผ้ายันตร์ ฯ
การทำความเข้าใจแก่ภิกษุและประชาชนส่วนใหญ่เหล่านั้น ในยุคพระธรรมวินัยเสื่อมถอย การเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา โดยตรงต่อตัวบุคคล ย่อมทำให้คำดี กลายเป็นคำชั่ว เพราะพื้นฐานความเข้าใจที่ถูกต้อง ความเห็นผิดมีมาก ย่อมนำมาซึ่งขุ่นเคืองใจของผู้ที่ถูกตำหนิ แต่กลับจะหาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาโต้แย้ง กลายเป็นเรื่องการทะเลาะเบาะแวง มากกว่าเป็นการอธิบายพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง คงไม่เป็นการอนุเคราะห์พระธรรมวินัยด้วยดีแน่นอน
ขนาดที่ท่านอาจารย์บรรยายธรรมมากว่า ๖๐ ปี ไม่เคยได้กล่าวพาดพิงชื่อภิกษุและชื่อสำนักปฏิบัติ ก็ยังมีจดหมายมาต่อว่าและโต้แย้งจำนวนไม่น้อย และมีอีกไม่น้อยที่เข้าใจผิดตามที่ปรากฏในเฟส์บุ็คและเว็ปไซต์สนทนาธรรมต่างๆ
แต่สำหรับกรณีธรรมกายนี้เป็นกรณีพิเศษจริงๆ หลายคนสงสัยว่า ทำไมท่านอาจารย์สุจินต์จึงระบุเจาะจงบุคคลและสถานที่ ทั้งที่ผ่านมาท่านไม่เคยอ้างอิงเรื่องบุคคลและสถานที่ใดๆ มาก่อนเลย
เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่งว่ามีเหตุผลใด
สำหรับผู้ที่ติดตามข่าวคราวของธรรมกาย คงจะพอมีข้อมูลที่ชัดเจนว่า ธรรมกาย มีความไม่ธรรมดาเพียงใด ธรรมกายเกิดขึ้นมาไม่ใช่ปีสองปี แต่เริ่มก่อตั้งมากหลายสิบปีแล้ว มีแนวทางการจัดการอย่างเป็นระบบในทุกๆ เรื่อง ในเรื่องบุคคลกรที่มีการศึกษาดี มีความน่าเชื่อถือ เครื่องไม้เครื่องมือ สถานที่ พร้อมทุกอย่างในการสนับสนุนแนวคิดในการเผยแพร่คำสอนของตน บนการสร้างภาพความศักดิ์สิทธิมีอิทธิฤทธิ์ของธัมมชโยให้ชาวบ้านคิดว่าเป็นต้นธาตุต้นธรรมของพระศาสนา บิดเบือนพระธรรมวินัยในเรื่อง อนัตตาและทาน จนกระทั่งชาวบ้านหลงเชื่องมงาย ทำทุกอย่างได้เพื่อธรรมกาย สละทรัพย์สินเงินทอง แม้กระทั่งจนหมดตัว เข้าร่วมเป็นสมาชิกทำกิจกรรมเรี่ยไรอย่างเต็มตัว ทั้งนี้ก็เพื่อตัวเองทั้งสิ้น
คำสอนเหล่านี้แทรกซึมไปตามวัด ตามสถานที่ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่หน่วยงานราชการ จนไปถึงสถานศึกษาทั่วประเทศ ซึ่งน่ากลัวที่สุด มีโครงการชวนเชื่อต่างๆ มากมาย ซึ่งเปลือกภายนอกดูดีมาก ด้วยความเป็นระเบียบ เรียบร้อย มีศีลธรรม แต่ภายในคือการบิดเบือนพระธรรมวินัยเพื่อแสวงหาลาภสักการะ สรรญเสริญ และอำนาจแก่กลุ่มของตน เปรียบเสมือนขนมที่อาบด้วยยาพิษ
เมื่อมีทรัพย์สินและบุคคลกรมากมายเช่นนี้ ย่อมไม่พ้นไปจากการแสวงหาอำนาจครอบงำในด้านต่างๆ ไม่ว่าในองค์กรปกครองสงฆ์ และหมู่สงฆ์ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ตลอดจนไปถึงนักธุรกิจ ข้าราชการ นักการเมือง ทำให้ธรรมกายในช่วงของรัฐบาลหนึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดีและขยายลัทธิออกไปได้มากในวงการสงฆ์และการศึกษา
แต่โชคดีที่กิเลสอกุศลของธรรมกายมีกำลังมากจนกระทั่งกระทำผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองเสียก่อน จึงทำให้ทางรัฐต้องเข้ามาจัดการการกระทำผิดต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะบุกรุกที่ป่าสงวน ยักยอก ฟอกเงิน รับของโจร ฯ
ในที่สุดธรรมกายก็แสดงอำนาจของตนออกมาให้ประชาชนได้เห็นธาตุแท้ว่ามีกำลังต่อต้านอำนาจรัฐได้ โดยมาจากการที่ทำงานอย่างเป็นระบบหลายๆ ปี จนกระทั่งสามารถจัดตั้งการต่อต้านขัดขืนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ อ้างพระพุทธศาสนามาปกป้องตนเองทุกวิถีทาง และโจมตีรัฐทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างเป็นระบบ อ้างสิทธิต่างๆ นาๆ ทั้งที่กระทำผิดกฎหมายทุกประการ
นี้คือการทำลายพระพุทธศาสนาและกฎหมายบ้านเมืองของรัฐที่รุนแรงมากที่สุดของธรรมกาย เท่าที่ปรากฎในประเทศไทย
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏอย่างชัดเจนตามข่าวต่างๆ เช่นนี้ ย่อมถึงเวลา และเป็นสิ่งที่ควรกล่าวเจาะจงอย่างชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ชาวพุทธได้เข้าใจให้ถูกต้องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การจะกล่าวตามพระธรรมวินัยเพื่อเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา คงไม่จำเป็นต้องหลีกเหลี่ยงไม่เจาะจงถึงธัมมชโยและวัดพระธรรมกายอีกต่อไปแล้ว เมื่อความปรากฎชัดแจ้งต่อสาธารณชนเช่นนี้
กรณีธรรมกายจึงแตกต่างไปจากกรณีอื่นๆ อีกหลายกรณี
การเจาะจงชื่อธัมมชโยและธรรมกาย จึงเป็นความเหมาะสมของสถานการณ์
และเรื่องนี้มีความสำคัญมากๆ จึงจำเป็นต้องเน้นย่ำ เป็นอุทธาหรณ์ ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อให้ชาวพุทธได้ตระหนักถึงความเสียหายที่เกิดจากการกระทำย่ำยีพระธรรมวินัยในประการต่างๆ
อาทิ ภิกษุรับเงินทอง คำสอนผิดๆ เรื่องทาน ศีล ภาวนา การบวช การปฏิบัติ สมาธิ อัตตา การกระทำละเมิดพระวินัยอีกหลายประการ เช่น ภิกษุปิดหน้ามานั่งประท้วง สวดมนต์ขัดขวางและทำร้ายเจ้าพนักงาน พูดจายุ่งยง โกหก ฯ เหล่านี้ เป็นตัวอย่างที่สามารถยกขึ้นอธิบายให้ประชาชนได้เห็นอย่างชัดเจน
ธรรมกายจึงเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
ส่วนที่ท่านเจ้าของกระทู้กล่าวว่า "ในเมื่อกล้าหาญจะตำหนิมิจฉาทิฏฐิของวัดแห่งหนึ่ง ก็จงกล้าหาญให้เป็นธรรม"
ความกล้าหาญก็คงมิใช่กล้าแบบนักวิจารณ์ทั้งหลาย ที่ตำหนิทุกๆ ฝ่าย อย่างเท่าเทียมกัน ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม โดยไม่เกรงกลัวใคร
จะเข้าเรื่องวัญจธรรม (ธรรมเป็นเครื่องหลอกลวง) ว่า กล่าวคำจริงแต่กลายเป็นปิสุณาวาจาไป
ความกล้าหาญที่แท้จริง (ในความเห็นส่วนตัวผมนะครับ) ควรเกิดจากความเข้าใจถูก อันนำไปสู่การที่จะกล่าวคำจริง เป็นประโยชน์ ตามกาลที่เหมาะสม ด้วยจิตเมตตา ด้วยวาจาอันเป็นที่รัก (ไม่หยาบคาย) เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อพระพุทธศาสนา ท่ามกลางกิเลสอกุศลที่เป็นเรา ของเรา ซึ่งมีมากมายทุกเกือบๆ ขณะ
ขออนุโมทนาท่านเจ้าของกระทู้ อาจารย์วิทยากร และทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านอาจารย์และท่านผู้ร่วมเดินทางค่ะ
เป็นเริ่องหน้าที่ที่พุทธสาสนิกชนจะต้องศึกษาพระธรรมให้เข้าใจอย่างละเอียด เพื่อความเข้าใจในสภาวธรรมรอบๆ ตัวได้อย่างถูกต้องตามหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ
การได้ฟังความจริงที่ประเสริฐทำให้สามารถกับใจได้ ถ้าใด้สะสมความเข้าใจมาแล้ว อนัตตา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์