รอเพื่อนช่วยตอบที

 
tik
วันที่  19 ก.พ. 2550
หมายเลข  2870
อ่าน  1,435

คนที่สามีกำลังนอกใจกับคนที่ดีต่อกันมาก่อน ผู้หญิงมีสามีอยู่และมีน่าตาในสังคมพอสมควร มีลูก 2 คน สามีทำงานเหมืองพลอย คบกันตอนแรกก็ไม่มีอะไร เราปล่อย เค้ามากเกินไปจนสนิทกัน โดยที่ไม่คิดว่าสามีจะนอกใจ เนื่องจากทั้ง 3 คน เรา สามี ผู้หญิงคนนี้ชอบทำบุญเหมือนกัน ไปไหนก็มักชวนกันไปด้วยกัน จนทีหลังดิฉัน ไม่มีเวลาที่จะไปกับเค้าตลอด ทำงานไม่มีวันหยุด (เนื่องจากวันเสาร์ / อาทิตย์ขาย ของ) จึงให้เค้าไปไหนกันโดยลำพัง จนตอนหลังสังเกตว่าทุกอย่างมันสายไปหมด เรื่องมันยาวไม่สามารถจะเล่าให้ใครฟังได้ รอแต่คำปลอบใจเท่านั้นเอง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 19 ก.พ. 2550

พระพุทธองค์ทรงแนะนำให้สาวกพิจารณาเนืองๆ ว่าเรามีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นกำเนิด เป็นทายาทของกรรม มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย จักทำกรรมใดๆ ไว้ จะได้ รับผลของกรรมนั้น จากพระพุทธพจน์นี้ก็แสดงให้เห็นว่า ความเป็นไปของชีวิตของ ทุกคน ไม่ว่าจะได้รับ หรือประสบกับสิ่งใดทั้งดีและไม่ดีก็ตาม เพราะกรรมที่เคยกระทำ ไว้ อีกอย่างหนึ่งการกระทำของสามีเราไม่สามารถไปแก้หรือบังคับห้ามจิตใจของเขา ได้ การศึกษาพระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทำให้เราได้เข้าใจความ จริงมากยิ่งขึ้น ช่วยฝึกจิตใจของผู้ศึกษาให้เข้มแข็งด้วยการอบรมเจริญปัญญา จะทำ ให้หวั่นไหวต่อโลกธรรมน้อยลง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
study
วันที่ 19 ก.พ. 2550
 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 19 ก.พ. 2550

ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เราไม่สามารถแก้ไขคนอื่นได้ นอกจากตัวเราเองต้องเข้มแข็ง และอดทนยอมรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นให้ คิดถึงเรื่องของกรรมและเหตุปัจจัย ในวัฏฏะอันยาวไกล คุณและสามี และเขา เคย ผูกพันกันมาในฐาน ญาติ มิตร พี่น้อง สามี ภรรยา พ่อ แม่เป็นมาหมดแล้ว ที่จะ ไม่เกี่ยวข้องกันด้วยฐานะเหล่านี้หาได้ยาก เพราะฉะนั้นเมื่อเหตุปัจจัยพร้อมเขาก็ได้เจอกันและผูกพันกัน เราก็ทำใจปล่อยเขาไป ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีกับเขา ผลของกุศลทำให้ได้รับวิบากดีในวันข้างหน้า ฟังธรรมและเจริญกุศลทุกอย่างค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เจิด
วันที่ 19 ก.พ. 2550

สวัสดีครับคุณ tik

ผมขอยกความคิดเห็นนี้ให้ คุณ tik ไตร่ตรองดูนะครับ ซึ่งความคิดเห็นนี้ท่านก็มีความเมตตากับผมครับ ขออนุโมทนา ครับ

การศึกษาธรรมะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความเข้าใจที่แท้จริง จะค่อยๆ เปลี่ยน " ความรัก " ให้เป็น " ความเมตตา " ได้ ทำให้อยู่ร่วมกันได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพกว่า ทั้งนี้ต้องอาศัยเวลาและความอดทนเป็นอย่างสูง ซึ่งแต่ละบุคคลก็จะทำได้ไม่เท่ากัน

โดยสมาชิก : prakaimuk.k วันที่ : 15-11-2549

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
PUM
วันที่ 19 ก.พ. 2550

เป็นสัจธรรม....ไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง แม้แต่ร่างกายของเราก็ไม่ใช่ของเรา วันหนึ่งก็ต้องคืน ดิน น้ำ ลม และไฟ ที่หยิบยืมมาให้เป็นสมบัติของโลก มิตรแท้คู่แท้ของเราคือบุญกุศลที่จะติดตามเราไปทุกหนทุกแห่งทุกภพทุกชาติ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
fueng
วันที่ 19 ก.พ. 2550

มิตรแท้คู่แท้ของเรา คือ ปัญญาที่จะติดตามเราไปทุกหนทุกแห่งทุกภพทุกชาติ ความทุกข์จะลดน้อยลงตามระดับปัญญาที่เจริญขึ้น ต้องไม่ขาดการฟังธรรม และ เจริญกุศลทุกประการนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 19 ก.พ. 2550
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
devout
วันที่ 19 ก.พ. 2550

ถ้าเขาไปดีมีความสุข ก็ควรจะยินดีนะคะ เพราะถ้าฝ่ายชายยังรักและเห็นคุณค่าคุณอยู่ เขาคงไม่กระทำเช่นนั้น แต่เพราะความรักตนและขาดหิริโอตตัปปะของทั้งคู่ (สามีและเพื่อน) จึงได้กระทำกรรมที่ไม่สมควร ซึ่งย่อมให้ผลเป็นอกุศลวิบากในภาย หลัง พื้นฐานของปุถุชนโดยมากรักตน และปรารถนาให้ตนมีความสุข ถ้าเป็นการรักผู้อื่นแล้ว (เมตตา) บุคคลนั้นจะไม่ประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่นให้เป็นทุกข์เลย ถ้า คุณรักเขา ก็ควรยินดีในความสุขของเขา ให้อภัย เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการฟังธรรม สะสมความเห็นถูกตั้งแต่วันนี้ เพราะนอกจากพระธรรมแล้ว ไม่มีอย่างอื่นที่เป็นที่พึ่ง ได้โดยแท้จริง ชีวิตในสังสารวัฎฎ์ยังอีกยาวไกล เราต้องเจอะเจออะไรอีกเยอะน่ะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornchai.s
วันที่ 19 ก.พ. 2550

เรื่องอย่างนี้ เคยเกิดขึ้นกับคุณติ๊ก และทุกคนมาแล้ว ถ้าไม่ใช่ชาตินี้ ก็เป็นชาติที่ผ่านมาใน อดีต ไม่มีใครหลีกเลี่ยงเหตุการณ์แบบนี้ได้ ตราบเท่าที่เรายังมีความยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสทางกาย ก็ย่อมมีความเศร้าโศก เสียใจ จากการ พลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือ ประสบพบกับสิ่งที่ไม่รัก คุณติ๊ก มีโอกาสที่ดีกว่า คนอื่นๆ อีกมากมาย ที่ได้พบกับพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ค่อยๆ ศึกษา และทำความเข้าใจในหนทางอบรมเจริญสติปัฏฐาน ไปเรื่อยๆ นะครับ ถ้า บรรลุเป็นพระอนาคามีบุคคล ก็จะไม่มีความเศร้าโศก เสียใจ อีกเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
medulla
วันที่ 20 ก.พ. 2550

ก็ขอช่วยปลอบใจอีกแรงนะคะ ขอให้คุณนึกถึงการฟังพระธรรมและตั้งใจฟังพระธรรมต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ จะไม่ขาดการฟังพระธรรม เพียรศึกษา พระธรรมเพื่อให้เข้าใจ และนำไปใช้ได้แบบเป็นปรกติในชีวิตประจำวัน ต่อไปนี้ ทุก คนที่เศร้าใจที่ผ่านมาอ่านกระทู้นี้ แนะนำให้นึกถึง การศึกษาธรรมเป็นเรื่องอันดับ 1 ก่อนที่จะไปทำอะไร ทั้งการ อ่าน ฟัง สนทนา ที่บ้านธัมมะแห่งนี้ เพื่อเจริญปัญญา เพื่อประหารกิเลส พระธรรมเท่านั้นที่เปลี่ยนชีวิตได้ ให้ดีขึ้นอย่างแท้จริง

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wirat.k
วันที่ 20 ก.พ. 2550

เป็นเรื่องยากจริงๆ ครับ คุณติ๊ก... ยังนับว่าคุณติ๊กโชคดีที่สนใจศึกษาพระธรรม เพราะอย่างน้อยก็ยังพอจะมีความเข้าใจหลักกรรม พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม... ทั้งฝ่าย ดี และไม่ดี เมื่อถึงคราวที่ต้องได้รับผลของกรรมที่ไม่ดี ก็สุดวิสัยที่จะหลีกเลี่ยง แต่ ความเข้าใจที่ว่า เรามีกรรมเป็นของของตนฯ ... และสังสารวัฏฏ์ก็ยืดยาวหาจุดเริ่มต้น ไม่ได้ ผู้เป็นปุถุชนซึ่งมีคติไม่แน่นอนอย่างเราย่อมต้องเคยมีเจตนาประพฤติล่วงทุจริต กรรมเช่นนี้มาแน่นอน ส่วนเมื่อไหร่ อย่างไรเป็นวิสัยพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะล่วงรู้ โดยละเอียด ถึงวันนี้การได้รับผลอันไม่พึงปราถนาปรากฎแก่เรา เมื่อได้ศึกษา และ ฟังแม้ขั้นความเข้าใจในการฟัง ก็จะเป็นประโยชน์ให้ระลึกได้ว่าไม่มีใครทำให้ ของเรา เคยทำมาเองแน่นอน ความคับแค้นใจก็คงจะพอที่จะคลายได้บ้าง แต่จะให้ตัดใจไม่ เศร้าโศกเลยเห็นจะไม่ใช่วิสัย เพราะขณะนี้เรายังไม่ใช่พระอนาคามีบุคคล ประโยคที่คุณประกายมุกให้ความเห็นที่ 4 ที่คุณเจิดกรุณายกมาให้อ่านนั้นช่างกินใจเหลือเกิน " ความเมตตา ต่างหากที่จะทำให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยาวนานและมีประสิทธิภาพกว่า (ความรัก) " เมตตาสามี และเพื่อนเถอะครับ เพราะทั้งคู่น่าสงสารมากที่ร่วมกันทำ อกุศลกรรม ต้องไปรับผลในวันข้างหน้าอย่างแน่นอนและชีวิตของคุณติ๊กก็ต้องดำเนิน ไป เจริญกุศลทุกประการในโอกาสที่จะกระทำได้ ทำดีกับคุณสามีและเพื่อนต่อไป ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และที่จะทำให้เราเข้มแข็งอดทนมากขึ้นก็คือ หมั่นฟังพระ ธรรม เพราะมีแต่ความเห็นถูกเท่านั้นที่จะช่วยให้อกุศลทั้งหลายเบาบางจางคลายลง ได้ ซึ่งความกังวลใจเรื่องนี้ก็เป็นอกุศลที่กลุ้มรุมจิตใจของคุณเช่นกัน หากยังกังวลไม่หายก็ลองนึกถึงคนที่เจอเรื่องราวที่เลวร้ายกว่าคุณก็แล้วกัน บางคนถึงกับถูกวางแผนหักหลังและทำร้ายถึงชีวิตก็มี นับว่าเรายังโชคดีที่ไม่เป็นเช่นนั้น...

สู้ต่อไปครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
natnicha
วันที่ 20 ก.พ. 2550

ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนนะคะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรลึกซึ้งกว่าที่คุณติ๊กเขียนหรือเปล่า แต่ก็ขอแสดงความคิดเห็นจากเท่าที่คุณติ๊กเขียนนะคะ

เคยอ่านคำเทศนาของสมเด็จญาณว่า คนเราเกิดมาเจอกันไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติแล้ว ถ้าชาตินี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน มันก็คงไม่เป็นไร ถ้าเขาไปแล้วมีความสุขกว่าก็ให้เขา ไปเถอะค่ะ เราควรจะยินดีกับเขา เรายอมเสียสละคนเดียวแต่ทำให้คนสองคนมีความ สุขก็ดีนะคะ ถ้าเราจะไม่ได้อยู่ร่วมกับสามีแล้ว ก็ถือว่าเราหมดหน้าที่ของภรรยาแล้ว แต่ ก็ยังมีหน้าที่คุณแม่ให้เราต้องทำอยู่

ชีวิตนี้มีอะไรที่สำคัญกว่ามากมาย การที่เราได้ใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่กับคนที่เรารัก ได้ทำสิ่งดีๆ ร่วมกันก็ถือเป็นความทรงจำที่ดี ถือเป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิต เพราะไม่ ว่าเราจะมีความสุขหรือทุกข์ขนาดไหนมันก็ต้องผ่านไปอยู่ดีจะให้มันอยู่กับเราตลอดไป ก็คงไม่ได้

โดยส่วนตัวแล้วสิ่งที่มีค่า คือ การได้พบอาจารย์สุจินต์ ได้ฟังธรรมบรรยายของท่านอาจารย์ และบุคคลที่มีความรู้อีกหลายท่าน ทำให้ชีวิตตนเองมีความหมายขึ้น รู้ว่านอก จากหน้าที่ทางโลกแล้ว ยังมีสิ่งอื่นที่เราต้องทำอีก

ยอมรับว่าถ้าได้เจอกับตัวเองคงทำใจยาก แต่เมื่อเราเจอเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว ก็ควรทำใจยอมรับด้วยความเข้มแข็ง แล้วเมื่อเวลาผ่านไป มันก็จะกลายเป็นเพียงช่วง หนึ่งในชีวิตเท่านั้นเอง... เป็นกำลังใจให้นะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pornpaon
วันที่ 20 ก.พ. 2550

การเป็นคนรัก คู่รัก คู่ครอง คู่ชีวิต ภรรยาหลวง ภรรยาน้อย ภรรยาลับ ชายชู้ หญิงชู้ เพื่อนรัก เพื่อนใคร่ เป็นพี่เป็นน้อง เป็นญาติ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน สถานการณ์ ใด เราคงต่างคนต่างเคยผ่านพบมาแล้วในสังสารวัฏฏ์อันยาวนานมาจนบัดนี้... แม้แต่ ความรักที่นับว่าบริสุทธิ์แล้วสำหรับปุถุชนคนเรา คือ ความรักที่บิดามารดามีต่อบุตร ก็ ยังนับว่าเป็นทุกข์ด้วยความหวงห่วงเช่นกัน ขออนุญาตยกพระพุทธพจน์ตรัสแก้แก่เทวดาที่ดิฉันได้อ่านจากกระทู้อื่น

ความรักเสมอด้วยตน ไม่มีทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือก ย่อมไม่มีแสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ย่อมไม่มีฝนต่างหาก เป็นสระยอดเยี่ยม

คนเรารักตนเองมากที่สุด ฉะนั้น ควรรักตนเองอย่างถูกต้องเหมาะสม เมตตาตนเองในทางที่เหมาะควรเมื่อนั้น... เราจะรักและเมตตาผู้อื่นได้อย่างถูกต้องเหมาะสมเช่นกัน เรื่องที่คุณเล่ามานั้นทำใจได้ยากอย่างยิ่ง แต่อภัยให้พวกเขาเถอะค่ะ อกุศลกรรมจะตามติดพวกเขาแน่อยู่แล้ว หากคุณยังไม่อโหสิกรรม ยังมัวเศร้าใจ เสียใจ หม่นหมอง โกรธเคือง เท่ากับคุณสะสมอกุศลจิตให้ตนเองมักทุกข์ใจเพราะเรื่องเสียของรักอยู่เรื่อยๆ เราทุกข์เพราะเสียของที่รัก หากไม่มีของที่รักก็คงไม่ทุกข์

ขออนุโมทนา ที่เข้ามาพบเว็บไซท์บ้านธัมมะ กัลยาณมิตรหาได้ที่นี่ เริ่มต้นฟังพระธรรม ฟังอย่างตั้งใจค่อยๆ พิจารณา เมื่อค่อยๆ เข้าใจ และสะสมความเข้าใจถูก นี้ไปเรื่อยๆ จะรู้ว่ารสใดๆ ในโลกนี้นี่หรือจะหวานชื่นและชุ่มฉ่ำใจ ไม่เป็นโทษ เป็นรส อันประเสริฐ เท่ากับรสของพระธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
yupa
วันที่ 21 ก.พ. 2550

ยุคสมัยปัจจุบัน ไม่มีอะไรที่จะเป็นหลักยึดในการครองชีวิตได้ดีไปกว่า การศึกษาพระธรรม ไม่ใช่ศึกษาพระธรรม เพื่อปลง แต่ให้รู้และเข้าใจความเป็นจริง จิตใจคน เลื่อนลอยเกินกว่าจะเอาจริงเอาจังได้ คนเรารู้จักกันมากแค่ไหน ก็ไม่มีวันรู้ถึงใจกันได้ นี่คือสัจจะธรรม มิใช่หรือ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
TSP
วันที่ 21 ก.พ. 2550

ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามเหตุ ปัจจัย เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป หาสาระอะไรไม่ได้ ความทุกข์เกิดขึ้นก็ดับไปแล้ว ความเกิดดับของสภาพธรรมเป็นไปอย่างรวด เร็ว แต่เนื่องจากเรายึดถือสภาพธรรมว่าเป็น สัตว์ บุคคล ตัวตน เราจึงไม่เข้าใจ สภาพธรรมตามความเป็นจริงซึ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปเท่านั้น สภาพธรรมก็ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา สุขก็ไม่เที่ยงเมื่อเราไม่ได้อารมณ์ที่เป็นสุข เราก็ ทุกข์เป็นเรื่องปกติ ความสุขก็ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา ความทุกข์ก็ไม่ได้เกิดขึ้น ตลอดเวลา ขณะที่เราไม่สุขก็ทุกข์ หรือเฉยๆ ในแต่ละวันแต่ละวันไม่เหมือนกันเลย

วันนี้ก็หมดไปแล้ว วันพรุ่งนี้จะมีเหตุปัจจัยอะไรที่จะเกิดขึ้น เราก็ไม่รู้ชีวิตเกิดขึ้น เพียงชั่วขณะจิตเท่านั้น ขณะปัจจุบันสำคัญที่สุด ที่เราควรศึกษาลักษณะสภาพธรรม ที่ปรากฏตามความเป็นจริง ซึ่งเกิดขึ้นแล้วก็ดับ เห็นก็ดับ ได้ยินก็ดับ ได้กลิ่นก็ดับ ลิ้มรสก็ดับ รู้เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ก็ดับ คิดนึกก็ดับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
cheun
วันที่ 21 ก.พ. 2550

เข้ามาให้กำลังใจค่ะ ขอให้ตั้งใจในการศึกษาพระธรรมให้ยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
จิต89หรือ121
วันที่ 22 ก.พ. 2550

ข อ เ ป็ น ก ำ ลั ง ใ จ ใ ห้ อี ก ค น ค รั บ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
chackapong
วันที่ 23 ก.พ. 2550

เป็นเรื่องธรรมดามากครับ ทุกอย่างเป็นไปได้อยู่แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผมขอเป็นกำลังใจ ไม่มีใครถูกหรือผิด เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต อีกไม่นานก็จะผ่าน ไป สบายใจเถอะ ไม่มีอะไรมากหรอก เดี๋ยวก็ผ่านไปจริงๆ หลังจากนั้นแล้วคุณติ๊กอาจ นั่งอมยิ้มคนเดียวก็ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
chackapong
วันที่ 23 ก.พ. 2550

คุณติ๊ก ความเสียใจ เศร้าใจ เบาบางลงไปบ้างไหมครับ ไม่ต้องรีบ ร้อน เดี๋ยวมันจะหายไปเอง ถ้าผมเล่าเรื่องของผมให้ฟัง ใครต่อใครจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวแน่เลยว่า ปัญหาที่ผมประสพมา หนักหนา สาหัสกว่าคุณติ๊ก มาก เพียงแต่ไม่ใช่เรื่องความรัก คุณติ๊กยังโชคดีนะครับ เพราะคุณยังสามารถเลือกได้ที่จะทำอย่างไรดี แต่ผมจะเลือก อะไรไม่ได้เลย ไม่มีสิทธิที่จะเลือก เงื่อนไข ไม่มีให้เลือก ต้องยืนโต้คลื่นชีวิตไปคน เดียว เป็นที่กำบังให้ ลูกและภรรยา ยืนโต้คลื่นลมมาเป็นปีแล้ว คลื่นสูงท่วมหัว และ รุนแรง จนแปลกใจว่าทำไมยังไม่จบสิ้นสักที จนเข้ามาที่เวปแห่งนี้ มีคำตอบที่สงสัย อยู่ในใจมานานแล้ว ว่า ต้องเป็นกรรมเก่า ผมเลยต้องยืดอกรับไปอย่างทรนง ส่วนตัว ไม่เคยมาที่บ้านธรรมะหรอกครับ ดาวน์โหลดหนังสือมาอ่าน เริ่มจากปรมัตถธรรม แล้ว นำมาพิจารณาเทียบเคียง กับความจริงที่เกิดในชีวิต ผมไม่เคยไปฝึกหรือปฏิบัติอะไรต่างๆ ตามที่เขานิยมกัน คิดว่า เอาให้เข้าใจก่อนว่า ความจริง และความหมายของ ธรรมะคือ อะไร อ่านไปแล้วพิจารณาไป มองเห็นความธรรมดาของชีวิต เป็นความธรรมดาที่เราคุ้นเคยอยู่แล้วในประสบการณ์จริง ของชีวิต และไม่น่าเชื่อว่า ในความ โชคร้ายที่เราประสพอยู่ ก็มีความโชคดีเข้ามาแทรก ให้เราเห็นความเป็นธรรดาของ ชีวิต โขคดีที่ว่าคือ เราได้ประสพการณ์ตรง ผู้ที่ไม่ตกอยู่ในความทุกข์เช่นเรา อาจ เพียงแค่เข้าใจ เหมือนเข้าใจคำว่าปวดฟัน แต่เรากำลัง ปวดฟัน ที่เล่ามาก็เพื่อเป็น กำลังใจให้นะครับ ว่าทุกชีวิต หลีกเลี่ยงไม่พ้นหรอก

เมื่อวานผมบอกคุณติ๊กว่าเป็น ธรรมดา อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด วันนี้ผมก็ยังยืนยันคำพูดเดิมนะครับ สบายใจเถอะ เดี๋ยวก็ผ่านไป ผมยืนโต้คลื่นมาเป็นปีแล้ว ก็มีบางส่วนที่เริ่มคลี่คลายไปตามกาล เวลา วันที่ผ่านไปแล้วคุณติ๊กจะต้องแปลกใจและภูมิใจว่าเราได้ผ่านมาแล้ว วันนั้น กำลังจะมาถึง และมาถึงแน่ๆ เมื่อคุณติ๊กเข้าใจธรรมะอย่างตรงไปตรงมา สบายใจ เถอะครับ ไม่มีอะไรมากหรอก เป็นเรื่องธรรมดา

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
yupa
วันที่ 26 ก.พ. 2550

ทุกปัญหาเหมือนบททดสอบ และคนที่เข้าใจปัญหาจริงๆ ก็ไม่ใช่ใครเราเอง พอเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็ดีเอง และจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา อย่างคุณ chackapong กล่าวไว้ เราก็ต่างผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันทั้งนั้น อย่างท่านอาจารย์สุจินต์ ท่านกล่าวอยู่เสมอว่า ไม่คาดหวังเป็นดีที่สุด เพราะทุกอย่างเป็นอนัตตา

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
chackapong
วันที่ 27 ก.พ. 2550

ขอเรียนถามแทรก ไม่ทราบว่า ผมเข้าใจธรรมะได้ถูกต้องเพียงใด แต่จากประสพ-การณ์จริงทำให้เห็นว่าทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป สิ่งนี้เป็นธรรมะหรือสัจธรรมที่ พระองค์ทรงสั่งสอนในเบื้องต้นเลยใช่ไหมครับ ผมไม่สามารถอธิบายเป็นภาษาธรรม ได้ แต่จากประสบการณ์ตรงทำให้สรุปได้เช่นนี้ ขอท่านผู้รู้ช่วยเสริมส่วนที่ขาดตก บกพร่องด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
หมาย
วันที่ 27 ก.พ. 2550

สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ของใครครับ เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา อันสุขทุกข์ อยู่ที่ใจมิใช่หรือ ถ้าใจถือก็เป็นทุกข์ ไม่สุกใส ถ้าไม่ถือก็เป็น สุขไม่ทุกข์ใจ แล้วเราอยากได้ความทุกข์เหรือสุขนา

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
study
วันที่ 28 ก.พ. 2550

ขอเสริมความเห็นที่ 22

ทุกสิ่งที่ปรากฏเป็นธรรมะ การศึกษาพระธรรมเพื่อรู้ความเป็นจริงของธรรมะที่กำลัง ปรากฏ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ