ภิกษุในธรรมวินัยไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง จึงไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐได้
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ รับทราบโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดไว้ สามารถมาลงทะเบียน ณ ธนาคารที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ และต่อมาได้มีโครงการลงทะเบียนเป็นครั้งที่ ๒ ในปี ๒๕๖๐ โดยมีหน่วยรับลงทะเบียนประกอบไปด้วย ๕ หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คลังจังหวัดทั่วประเทศ (สังกัดกรมบัญชีกลาง) และสำนักงานเขตกรุงเทพฯ ทุกเขต รวมทั้งสิ้น ๓,๖๖๙ สาขา เพื่อขอรับสวัสดิการจากรัฐบาล
ต่อมา นายวิชัย พฤกษ์วัฒนาชัย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เปิดเผยว่า “ธ.ก.ส. เตรียมหารือกระทรวงการคลังว่าจะให้กลุ่มนักบวชมาลงทะเบียนได้หรือไม่ หลังจากพบว่ามีพระและแม่ชีมาขอลงทะเบียน...” ปรากฏตามข่าวในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ คอลัมน์การเงินการคลัง ลงวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๐ นั้น
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา มีหน้าที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา โดยก่อตั้งขึ้นเพื่อศึกษาและการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ปี ๒๕๒๗ ได้ตระหนักถึงปัญหาเกี่ยวข้องกับการที่ภิกษุขอลงทะเบียนในโครงการดังกล่าวข้างต้น และเห็นควรชี้แจงแก่หน่วยงานของท่านตามพระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค และอรรถกถา หน้า ๙๓๙ ถึง ๙๔๐ เล่ม ๑ ภาค ๓ ซึ่งพระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติ ว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอ พึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง อย่างนี้ว่าดังนี้ อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทองเงิน หรือยินดีทองเงินอันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์" ทั้งนี้ เพื่อที่จะได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไป
พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า พระภิกษุเป็นผู้ที่สละอาคารบ้านเรือน สละวงศาคณาญาติ สละทรัพย์สมบัติมุ่งสู่เพศที่สูงยิ่ง โดยได้รับการอุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา เพื่อศึกษาพระธรรมและอบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสของตนเอง ภิกษุสละแล้วซึ่งทรัพย์สินทุกประการ จึงไม่ใช่คฤหัสถ์ และไม่ใช่ผู้มีรายได้น้อยหรือเป็นคนจน ดังนั้น การที่จะพิจารณาให้ภิกษุลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อหวังรับเงินหรือสวัสดิการค่าครองชีพในด้านต่างๆ เหมือนคฤหัสถ์จากรัฐบาล ย่อมไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัย
หากภิกษุใดประสงค์จะรับเงินหรือสวัสดิการดังกล่าว จะต้องลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์เสียก่อนเพื่อขอรับเงินหรือสวัสดิการนั้นๆ จึงจะไม่เป็นการทำลายพระธรรมวินัยของพระพุทธองค์
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลเกี่ยวกับภิกษุข้างต้นจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาปัญหาภิกษุขอลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการจากรัฐบาลตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐข้างต้น ทั้งนี้ มูลนิธิศึกษาแลเผยแพร่พระพุทธศาสนา มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการทำความเข้าใจและให้ข้อมูลแก่หน่วยงานของท่าน โดยได้แต่งตั้งผู้ประสานงานในด้านการให้ความรู้ความเข้าใจพระธรรมวินัยที่ถูกต้องตรงตามคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งประมวลมาในพระไตรปิฎก ทั้งนี้เพื่อดำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนต่อไป
...ขอความเจริญมั่นคงในกุศลธรรมจงมีแด่ทุกท่าน...