การเจริญเมตตามีผลมากกว่าการสมาทานศีลเพราะเป็นกุศลขั้นภาวนา

 
thilda
วันที่  13 เม.ย. 2560
หมายเลข  28754
อ่าน  973

เรียนถามท่านอาจารย์ค่ะ

พอดีอ่านเจอข้อความนี้ค่ะ "การเจริญเมตตามีผลมากกว่าการสมาทานศีลเพราะเป็นกุศลขั้นภาวนา" ก็เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็อธิบายให้ตัวเองฟังอย่างชัดเจนไม่ได้ค่ะ พอเขียนๆ ไปก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจอย่างแท้จริงค่ะ แต่ถ้าข้อความนี้ยังขาดความละเอียดซึ่งทำให้เข้าใจผิดได้ ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ

1. ตามที่ได้ศึกษา เมตตา คือ ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน ความหวังดี ความปรารถนาดี โดยมีองค์ธรรม คือ อโทสเจตสิก ขณะที่เกิดเมตตา ขณะนั้นมีสัตว์ บุคคลเป็นอารมณ์

การเจริญเมตตาก็คือการเกิดเมตตาบ่อยๆ เนืองๆ (ซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย) สรุปแบบนี้ได้ไหมคะหรือควรเข้าใจว่าอย่างไรคะ

2. การที่เมตตาเกิดนั้น จะเป็นกุศลขั้นภาวนาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามีปัญญา (ปัญญาเจตสิก) เกิดร่วมด้วยใช่ไหมคะ ชาวต่างชาติที่ไม่รู้จักพระธรรมก็มีเมตตาได้และอาจมีมากเสียด้วย แต่เขาก็ไม่ได้มีปัญญาตามความหมายในพระธรรม เช่น รู้ว่าจริงๆ แล้วไม่มีสัตว์ บุคคล (ปัญญามีหลายขั้น อาจเป็นปัญญาขั้นการฟังเท่านั้น) ถ้ามีปัญญาเกิดด้วย เมตตานั้นจึงจะเป็นกุศลขั้นภาวนา ถูกต้องไหมคะ

3. "การเจริญเมตตามีผลมากกว่าการสมาทานศีลเพราะเป็นกุศลขั้นภาวนา"

จากข้อความนี้ ภาวนา ในที่นี้หมายถึง สมถภาวนา ใช่ไหมคะ เพราะสมถภาวนามีปรมัตถธรรมหรือบัญญัติเป็นอารมณ์ก็ได้ ส่วนวิปัสสนาภาวนามีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์เท่านั้น การเจริญเมตตาต้องมีสัตว์ บุคคล (บัญญัติ) เป็นอารมณ์ ดังนั้น การเจริญเมตตา (ที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย) จึงเป็นกุศลขั้นสมถภาวนา ไม่ทราบเข้าใจถูกไหมคะ

4. การเจริญเมตตาที่เป็นกุศลขั้นภาวนา เหตุใดจึงมีผลมากกว่าการสมาทานศีลคะ

5. ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยอธิบายรายละเอียดที่ว่า "สมถภาวนา มีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ก็ได้" ค่ะ เข้าใจแต่ว่า สมถภาวนามีบัญญัติเป็นอารมณ์เป็นอย่างไรค่ะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านอาจารย์ที่อนุเคราะห์ให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกซึ่งสำคัญที่สุดในสังสารวัฏฏ์ค่ะ__/|__


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 เม.ย. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

1. ตามที่ได้ศึกษา เมตตา คือ ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน ความหวังดี ความปรารถนาดี โดยมีองค์ธรรม คือ อโทสเจตสิก ขณะที่เกิดเมตตา ขณะนั้นมีสัตว์ บุคคลเป็นอารมณ์

การเจริญเมตตาก็คือการเกิดเมตตาบ่อยๆ เนืองๆ (ซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัย) สรุปแบบนี้ได้ไหมคะหรือควรเข้าใจว่าอย่างไรคะ

- ถูกต้องครับ

2. การที่เมตตาเกิดนั้น จะเป็นกุศลขั้นภาวนาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามีปัญญา (ปัญญาเจตสิก) เกิดร่วมด้วยใช่ไหมคะ ชาวต่างชาติที่ไม่รู้จักพระธรรมก็มีเมตตาได้และอาจมีมากเสียด้วย แต่เขาก็ไม่ได้มีปัญญาตามความหมายในพระธรรม เช่น รู้ว่าจริงๆ แล้วไม่มีสัตว์ บุคคล (ปัญญามีหลายขั้น อาจเป็นปัญญาขั้นการฟังเท่านั้น) ถ้ามีปัญญาเกิดด้วย เมตตานั้นจึงจะเป็นกุศลขั้นภาวนา ถูกต้องไหมคะ

-เมตตาภาวนา เป็นสมถภาวนา ที่ไม่ใช่การรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ที่เป็นวิปัสสนาภาวนา แต่ เมตตาภาวนา คือ ปัญญาที่รู้ว่าจะเจริญเมตตาให้เพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องอย่างไร จนถึงได้เมตตาฌาน ที่เป็นสมถภาวนา ครับ

3. "การเจริญเมตตามีผลมากกว่าการสมาทานศีลเพราะเป็นกุศลขั้นภาวนา"

จากข้อความนี้ ภาวนา ในที่นี้หมายถึง สมถภาวนา ใช่ไหมคะ เพราะสมถภาวนามีปรมัตถธรรมหรือบัญญัติเป็นอารมณ์ก็ได้ ส่วนวิปัสสนาภาวนามีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์เท่านั้น การเจริญเมตตาต้องมีสัตว์ บุคคล (บัญญัติ) เป็นอารมณ์ ดังนั้น การเจริญเมตตา (ที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วย) จึงเป็นกุศลขั้นสมถภาวนา ไม่ทราบเข้าใจถูกไหมคะ

- ถูกต้องครับ

4. การเจริญเมตตาที่เป็นกุศลขั้นภาวนา เหตุใดจึงมีผลมากกว่าการสมาทานศีลคะ

เพราะ กุศลที่เป็นสมถภาวนา ต้องประกอบด้วยปัญญาเสมอ การสมาทานศีล ไม่จำเป็นต้องมีปัญญาก็ได้ ครับ และ สมถภาวนา เป็นการทำให้จิตสงบประณีต สงบระงับ และเกิดกุศลต่อเนื่องยาวนาน ครับ

5. ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยอธิบายรายละเอียดที่ว่า "สมถภาวนา มีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ก็ได้" ค่ะ เข้าใจแต่ว่า สมถภาวนามีบัญญัติเป็นอารมณ์เป็นอย่างไรค่ะ

-อุปสมานุสติ นั้น หมายถึง สติที่ระลึกเป็นไปใน คุณของพระนิพพาน ซึ่งพระอริยเจ้าที่ประจักษ์นิพพาน สามารถระลึกในพระนิพพานที่ได้ประจักษ์แล้วได้ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 15 เม.ย. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-เมตตา หมายถึง ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน ความมีไมตรี ความหวังดีแก่เพื่อนๆ แก่สัตว์บุคคลที่เราพบเห็นทั้งหมด ถ้าหากว่ายังไม่สามารถมีความปรารถนาดี หรือเป็นมิตรกับทุกคนที่เราพบ คือยังมีความไม่ชอบหน้าบุคคลบางคน เมตตาชื่อว่ายังไม่ได้เจริญ, สำคัญที่ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ เพราะปัญญาเกื้อกูลได้ในทุกระดับขั้น ปัญญา มีความเห็นถูก ว่า ไม่ควรเลยที่จะเป็นอกุศล เห็นตามความเป็นจริง ว่า ขณะที่กุศลธรรมเกิดขึ้น ย่อมดีกว่าอกุศลธรรม ครับ

-สิ่งสำคัญอยู่ที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่มีทางที่จะเข้าใจได้เลย แม้จะได้ยินคำว่า พระนิพพาน ก่อนศึกษาพระธรรม เข้าใจผิดแน่ๆ ว่าจะต้องเมืองแก้ว เป็นสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แต่เมื่อได้ศึกษาจึงเริ่มเข้าใจว่า เป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่ดับทุกข์ ดับกิเลส เป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิดไม่ดับ กิเลสที่มีมา เมื่อประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ก็ถึงการดับไปตามลำดับ ผู้ที่มีการศึกษาพระธรรมโดยละเอียด โดยเฉพาะคุณของพระนิพพานเขาย่อมน้อมระลึกคุณของพระนิพพานตามที่ได้ศึกษามา การระลึกถึงคุณของพระนิพพาน เรียกว่า อุปสมานุสสติ

สภาพธรรมที่มีจริงๆ เป็นที่ตั้งของให้เกิดสติปัญญาเกิดขึ้น ระลึกรู้ตามความเป็นจริงได้ ไม่ใช่เรื่องบังคับหรือเจาะจง แต่เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยซึ่งรากฐานสำคัญจริงๆ ก็คือ ความเข้าใจในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ครับ
ขอเชิญคลิกศึกษาเพิ่มเติมจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้ที่นี่ครับ

การเจริญเมตตา

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
thilda
วันที่ 16 เม.ย. 2560

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ประสาน
วันที่ 18 เม.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
worrasak
วันที่ 18 เม.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 20 เม.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
peem
วันที่ 22 เม.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ