ภิกษุฉันน้ำเกลือแร่ต้องอาบัติหรือไม่ครับ
ในช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าว จึงคิดว่าหากนำน้ำเกลือแร่ไปถวายแด่พระภิกษุในช่วงบ่ายๆ จะควรหรือไม่ควรอย่างไรครับ น้ำเกลือแร่จัดเป็นคิลานเภสัชหรือเป็นเพียงน้ำปานะครับ และภิกษุรับประเคนหลังเที่ยงแล้วและได้นำมาฉันมาดื่ม จะต้องอาบัติใดหรือไม่ครับ
กราบอนุโมทนาในความอนุเคราะห์ด้วยคำตอบครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
น้ำปานะมีดังนี้ ที่พระพุทธเจ้าอนุญาตไว้ครับ
๑. อมฺพปานํ น้ำมะม่วง
๒. ชมฺพุปานํ น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า
๓. โจจปานํ น้ำกล้วยมีเม็ด
๔. โมจปานํ น้ำกล้วยไม่มีเม็ด
๕. มธุกปานํ น้ำมะทราง (ต้องเจือน้ำจึงจะควร)
๖. มุทฺทิกปานํ น้ำลูกจันทร์หรือองุ่น
๗. สาลุกปานํ น้ำเหง้าอุบล
๘. ผารุสกปานํ น้ำมะปรางหรือลิ้นจี่
นิยมเรียกว่า อัฏฐบาน หรือ น้ำอัฏฐบาน (ปานะ ๘ อย่าง)
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ......น้ำปานะหรือน้ำอัฏฐบาน [มหาวรรค]
เกลือแร่ ไม่ใช่นำปานะ แต่เป็นเภสัช ฉันได้เฉพาะ ยามเมื่อมีเหตุ คือ เป็นโรค เช่น ท้องเสีย เป็นต้น ไม่ใช่ฉันแทนน้ำปานะครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปัจจัย (เครื่องอาศัย) ของบรรพชิตมี ๔ อย่าง ได้แก่ จีวรเครื่องนุ่งหุ่ม อาหารบิณฑบาต เสนาสนะที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค [ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง] ซึ่งเพียงพอต่อการที่จะสามารถยังชีวิตให้ดำเินินต่อไปได้ ตามครรลองของความเป็นบรรพชิตที่มุ่งขัดเกลากิเลสเป็นสำคัญ การใช้สอยปัจจัยต่างๆ เหล่านั้น ไม่ใช่เพื่อความติดข้องต้องการ ไม่ใช่เพื่อความเป็นผู้เพลิดเพลินประมาทมัวเมา แต่เพื่ออาศัยปัจจัยเหล่านั้นแล้ว สามารถให้ชีวิตดำเนินต่อไปได้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสของตนเองจนกว่าจะดับได้อย่างหมดสิ้นในที่สุด
ดังข้อความตอนหนึ่งจาก [เล่มที่ 14] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ (อรรถกถา ทีฆนิกาย มหาสติปัฏฐานสูตร หน้า ๓๓๘) ที่ว่า "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์มิได้ทรงพิจารณาเห็นว่า ภิกษุบริโภคใช้สอยปัจจัยเหล่านี้แล้ว จักมีร่างกายแข็งแรงอยู่เป็นสุข ดังนี้ แล้วจึงอนุญาตการใช้สอยปัจจัย โดยที่แท้พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า ภิกษุ อาศัยปัจจัยเหล่านี้แล้ว บำเพ็ญสมณธรรม จักพ้นจากทุกข์ในวัฏฏะ ได้ ดังนี้แล้ว จึงทรงอนุญาตการใช้สอยปัจจัยไว้"
น้ำเกลือแร่ ไม่ใช่น้ำปานะ ถ้ารับประเคนในเวลาเช้า หากไม่เจ็บป่วย ฉันในเวลาเช้าชั่วเที่ยง ไม่มีอาบัติ, ถ้าเป็นเวลาหลังเที่ยงแล้ว ถ้าฉันโดยไม่มีเหตุ คือ ไม่เจ็บป่วย เป็นอาบัติทุกกฏ แม้จะเป็นอาบัติเพียงเล็กน้อย ก็มีโทษ ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...