วันนี้ เว็บบ้านธัมมะมีบุคคลสำคัญจากแดนไกลมาเยือน
วันนี้ระหว่างที่ผมกำลังฟังการถ่ายทอดสดจากเว็บบ้านธัมมะ โดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
อยู่ๆ บนเวที ก็มีการกระซิบกระซาบระหว่างคณะวิทยากร ดูอาจารย์คำปั่นกับอาจารย์วิชัยกำลังตื่นเต้นเหมือนมีแขกคนสำคัญมาเยือน และท่านอาจารย์สุจินต์ ก็กล่าวยิ้มๆ กับอาจารย์คำปั่นว่า "คุณคำปั่น เชิญเค้าสิคะ"
จากนั้น อ.คำปั่น ก็กล่าวอย่างตืนเต้นว่า วันนี้ เรามีสหายธัมมะจากแดนไกลมาเยือน (ในใจผม พอฟังถึงตรงนี้ ก็คิดว่า วันนี้ คงมีบุคคลสำคัญ เช่น ท่านรัฐมนตรี หรือผู้พิพากษา หรือชาวต่างชาติ มาเยือนเป็นแน่)
และอาจารย์ก็พูดต่อ ว่า ความจริง ก็ไม่ไกลมาก มาจากจังหวัดพิจิตร สหายท่านนี้ สมาชิกบ้านธัมมะหมายเลข (ประมาณสามพันกว่าๆ ) คือ คุณป้าประทุม ซึ่งท่านอุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางไกลมาเยือนบ้านธัมมะ และจากนั้น ก็กล่าวเชิญคุณป้าประทุมขึ้นมากล่าว
ในใจผมตอนนั้น ก็คิดว่า อย่างน้อยคุณป้าประทุมต้องเป็นคหบดีของจังหวัดพิจิตรแน่นอน
แต่ปรากฏว่าไม่ใช่อย่างที่คิดเลย คุณป้าประทุมเล่าชีวิตของตัวท่านเองว่า เป็นคนที่ยากจนมากๆ ลำบากยากจนถึงขนาดเคยคิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง จนมีโอกาสไปได้ฟังรายการวิทยุที่ท่าน อ.สุจินต์กำลังบรรยายเมื่อประมาณปี 2520 ที่บ้านของแม่
จากนั้น ด้วยความสนใจ จึงขวนขวายหาซื้อวิทยุมาฟัง แต่ก็มีเหตุให้วิทยุพัง และก็ไม่ได้ฟังไปหลายปี จนมาได้ยินรายการบ้านธัมมะออกอากาศทางทีวีในตอนตีสี่จากบ้านญาติที่อยู่ใกล้ๆ กัน
จากนั้น คุณป้าก็จะติดตามอาศัยรับชมรายการบ้านธัมมะทุกเช้ามืดวันพุธจากทีวีของบ้านญาติ โดยแทบจะไม่ได้หลับได้นอนเพื่อรอรับชมรายการบ้านธัมมะนี้
จากนั้น คุณป้าก็สามารถรวบรวมเงินได้ก้อนหนึ่งเพื่อนำไปซื้อเครื่องเล่นแผ่น MP3 ยี่ห้อ AJ เพื่อมาใช้เล่นแผ่นซีดีธัมมะบรรยายธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์ แต่สุดท้ายก็มีเหตุให้เครื่องเล่นนี้เสียไปอีก
สิ่งที่ผมได้จากการรับฟังเรื่องราวของคุณป้าประทุม ก็คือ
1. การที่บุคคลๆ หนึ่งเห็นถึงคุณค่า ประโยชน์และความสำคัญของการรับฟังพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้คุณป้าประทุมจะเป็นคนยากไร้และลำบากกว่าผมมาก สำหรับผมเองมีโอกาสง่ายดายที่จะได้ยินได้ฟังพระธรรมไม่ว่าจะโดยการเปิดเว็บไซต์บ้านธัมมะ ฟังแผ่นเอ็มพีสาม หรือแม้แต่จะเดินทางไปฟังพระธรรมด้วยตัวเองที่มูลนิธิฯ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมเลย (บ้านผมอยู่แถวบางแคซึ่งผมสามารถขับรถไปถึงได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงของเช้าวันเสาร์หรือวันอาทิตย์) แต่ผมก็ไม่ได้ขวนขวายจะไปฟังบรรยายธรรมถึงมูลนิธิฯ เลย ในชีวิต ผมเคยได้มีโอกาสไปถึงมูลนิธิฯ แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ก็รู้สึกโชคดียิ่งในชีวิตที่ได้มีโอกาสกราบแทบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ ผู้มีพระคุณอันประเสริฐยิ่งและเป็นบุคคลที่เปลี่ยนชีวิตของผมในทุกวันนี้ให้หันมามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เป็นสรณะ ให้ผมเชื่อในเหตุและการให้ผลของกรรม ให้ผมเห็นโทษของอกุศลทุกประการและเห็นคุณของการเจริญกุศลในทุกสถาน
2. การที่ท่านอาจารย์สุจินต์และคณะวิทยากรให้ความสำคัญแก่ทุกๆ คน ไม่เลือกยากดีมีจน ไม่เลือกว่าบุคคลนั้นจะต้องเป็นคหบดีหรือมีตำแหน่งใหญ่โต
สุดท้ายนี้ ผมขออนุโมทนากับเรื่องราวของคุณป้าประทุม และขอกราบแทบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์และคณะท่านวิทยากรของมูลนิธิฯ ที่ช่วยเปลี่ยนชีวิตของคนหลายๆ คน รวมทั้งตัวผมเองให้หันมาสนใจพระธรรม ให้หันมามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง.