ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๙๘

 
khampan.a
วันที่  7 พ.ค. 2560
หมายเลข  28818
อ่าน  2,480

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๙๘


~ ข้อสำคัญที่สุด ทำไมกล้าที่จะบวช เพราะว่าการบวช ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ใครจะไปขอให้ใครบวช และก็เป็นอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ได้บวช เพราะขัดเกลากิเลสหรือเพราะเข้าใจธรรม ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าใจธรรมและขัดเกลากิเลส บวชทำไม?

~ บวชหรือไม่บวช ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมด้วยความเคารพด้วยความเข้าใจทีละคำเขาก็ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่าคำของพระองค์ทุกคำ ลึกซึ้งอย่างยิ่ง

~ ไม่เคารพในสิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่ทำสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อไม่ทำสิ่งที่ถูกต้อง ก็ทำสิ่งที่ผิดและเป็นโทษ

~ ผู้ที่เป็นผู้ที่ตรง และจริงใจ และมีความมั่นคงในคุณความดี ในความถูกต้อง ก็จะไม่เบื่อ ไม่ท้อถอย ไม่คิดว่าไร้ประโยชน์ที่จะกล่าวคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้วให้คนอื่นได้ค่อยๆ เข้าใจ ค่อยๆ เห็นประโยชน์

~ ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครจะรู้จักสิ่งที่มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ซึ่งเป็นธรรม แค่นี้ก็ไม่คิดหรือ? ไปคิดธรรมเองทำไม แทนที่จะศึกษาธรรม

~ การที่จะเข้าใจพระธรรม เป็นความดีที่ประเสริฐกว่าอย่างอื่น ตั้งแต่เกิดมา ดีก็มีหลายอย่าง แต่ดีกว่าอย่างอื่น ก็คือ ได้เข้าใจความจริง เพราะฉะนั้น ความจริงเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่จะเป็นสิ่งที่รู้ได้ง่ายเลย รู้ได้แสนยาก พอได้ยินคำนี้ ก็เข้าใจความหมายของคำว่าอดทน อดทนเหนืออย่างอื่นคือไม่ใช่เพียงแต่อดทนที่จะละชั่ว ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี และ อดทนทำความดี แต่อดทนยิ่งกว่านั้น คือ อดทนที่จะเข้าใจสิ่งที่ยากแสนยากและมีค่าที่สูงสุดคือพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้

~ ถ้ามีแต่โลภะ (ความติดข้องต้องการ) วันหนึ่งก็จะต้องมีปัจจัยให้เกิดโกรธขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นเมตตา (ความเป็นมิตรเป็นเพื่อน) แล้ว ยิ่งเมตตาเจริญขึ้น ความโกรธก็จะน้อยลง ความหวังดีจริงๆ ก็จะเพิ่มขึ้น

~ ธรรมะที่เป็นอกุศล ใครจะอยากเก็บไว้มากๆ แต่เพราะความไม่รู้ ด้วยความไม่รู้นั่นแหละก็สะสมโดยไม่เห็นโทษภัย

~ ประโยชน์สูงสุดก็คือ เมื่อเกิดมาด้วยผลของกุศลกรรม แล้วก็เกิดเป็นมนุษย์ มีโอกาสได้ฟังธรรม เป็นคนดีพอหรือยัง หรือว่าควรทำความดีให้มากกว่านี้อีก โดยเฉพาะการเข้าใจธรรม

~ แต่ละบุคคลก็มีอัธยาศัยต่างๆ กัน พุทธบริษัทก็มีทั้งที่เป็นบรรพชิต และเป็นคฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น สะสมมาอย่างไร สภาพธรรมเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยอย่างไร ก็พิจารณาเพื่อที่จะรู้ในลักษณะที่ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

~ ถึงแม้ว่าคนอื่นจะโกรธ ก็ไม่ควรที่จะเอาชนะความโกรธของคนอื่นด้วยการโกรธตอบ แต่ว่าเมื่อคนอื่นโกรธ เราชนะกิเลสของตนเองโดยไม่โกรธตอบผู้ที่โกรธตน นั่นเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

~ เมื่อคนอื่นได้ดี ก็เดือดร้อน เป็นอย่างไร ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?เขาได้ดีแท้ๆ เดือดร้อนทำไมแต่สภาพธรรมที่เป็นความริษยาเกิดแล้วจึงริษยาในสิ่งที่คนอื่นได้ เกิดร่วมกับโทสะ (ความไม่พอใจ) ถ้าเป็นมิตรแล้ว ไม่ริษยา เป็นเพื่อน หวังดีที่เขาได้ดี ก็ดีทำไมจะต้องไปเดือดร้อนริษยาเขา แต่ธรรม ก็เป็นธรรม

~ ทุกคนไม่รู้ว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไร ทำประโยชน์หรือคุณความดีพอหรือยัง?

~ ไม่ว่าการกระทำใดๆ ทั้งสิ้น ขณะนั้นถ้าปัญญาเกิดก็วัดได้เลยว่า ขณะนั้นมีอะไรที่สะสมมามาก มีโลภะสะสมมามาก มีโทสะสะสมมามาก มีเมตตาสะสมมามาก มีกรุณาสะสมมามาก หรือว่ามีปัญญาสะสมมามาก ส่วนใหญ่เป็นไปกับอกุศล ใกล้ชิดมอมเมาติดแน่น จนไม่รู้ว่า ตัวเองดำสกปรกด้วยอกุศล

~ ผู้มีปัญญาสามารถทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วยกุศลจิต ด้วยความหนักแน่นมั่นคงในคุณความดีหรือในธรรมฝ่ายกุศล เพราะฉะนั้น ก็สามารถแก้ทุกสถานการณ์ได้ ไม่ใช่แต่เฉพาะในขณะนั้น แต่แม้ในขณะต่อๆ ไป กุศลก็ไม่ได้ให้โทษเลย

~ ธัมมเตชะ (ธรรมเดช) คือ พระพุทธวจนะ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สามารถทำให้ธาตุที่ไม่รู้ ค่อยๆ หมดสิ้นไป แล้วมีธาตุที่รู้ถูก เข้าใจถูกเพิ่มขึ้น

~ คนที่ไม่รู้ความจริง อกุศลมาก อกุศลไม่เป็นประโยชน์กับใคร แม้กับตัวเองและคนอื่น แต่เวลาที่กุศลเกิดขึ้น ไม่ใช่สำหรับตัวเองเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วย

~ ตั้งแต่เกิดจนตายก็เป็นธรรม ไม่ว่าจะคิด จะทำ จะพูด ทั้งหมดก็เป็นธรรม

~ ตราบใดที่ยังมีปัจจัยให้เกิดอกุศล ความรวดเร็วของอกุศลก็คือว่า ไม่นานเลย จากหลับสนิท แค่ตื่นเห็น ถึงเวลาที่อกุศลจะเกิดแล้ว ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พึ่งพระธรรมได้อย่างไร

~ ธรรมทั้งหลาย ทั้งหมด ไม่เว้นเลย เป็นอนัตตา ไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ขณะนี้ฟังให้เข้าใจตรงนี้ เพื่อสะสมความเห็นถูกนี้ไปเรื่อยๆ

~ ความเข้าใจต่างหากที่คลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน

~ สนใจที่เข้าใจธรรม เพราะมีความเข้าใจถูกต้อง จึงนำมาซึ่งกุศลธรรมทั้งหลาย จนถึงสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้

~ ในบรรดาธรรมทั้งหลาย ปัญญาประเสริฐสุด เพราะสามารถเข้าใจสิ่งที่ถูกปกปิดนานมาก

~ ก่อนที่จะได้ฟังธรรม ทุกคนก็มีความเห็นผิด มากบ้าง น้อยบ้าง แต่พอได้ฟังพระธรรมแล้ว ก็เป็นผู้ที่ตรง (เข้าใจในเหตุในผล ตามความเป็นจริง)

~ ความเห็นผิด มีมาก เมื่อไม่รู้ความจริง, พระธรรมที่ทรงแสดงก็ทำให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในเหตุและในผล

~ การจะรู้ว่าสิ่งใดผิด ก็ต้องเป็นปัญญา ถ้าไม่มีปัญญา ก็ทำผิดต่อไป

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา

~ ถ้ารู้ว่ากรรมดีให้ผลดี กรรมชั่วให้ผลชั่ว จริงๆ จะมีทุจริตกรรมไหม? ก็ไม่มี แต่ทั้งโลกที่เป็นอย่างนี้ เพราะเห็นผิดใช่ไหม? เพราะไม่รู้ความจริง ใช่ไห
ม?

~ ความไม่รู้ มีมากมาย ไม่หมด จนกว่าจะมีความเห็นที่ถูกต้อง.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๙๗

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
j.jim
วันที่ 7 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มกร
วันที่ 7 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 7 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Fongchan
วันที่ 7 พ.ค. 2560

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Mayura
วันที่ 7 พ.ค. 2560

อาจารย์คำปั่นช่วยนำสาระสำคัญมาโพสให้ได้อ่านได้ทบทวน ขอกราบขอบพระคุณและอนุโมทนามากๆ ๆ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 7 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
napachant
วันที่ 7 พ.ค. 2560

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
thilda
วันที่ 7 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
phawinee
วันที่ 8 พ.ค. 2560

ขอขอบพระคุณอาจารย์คำปั่นนะคะ ขออนุโมทนาในกุศลทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 8 พ.ค. 2560

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Noparat
วันที่ 8 พ.ค. 2560

~ ความไม่รู้ มีมากมาย ไม่หมด จนกว่าจะมีความเห็นที่ถูก

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jaturong
วันที่ 8 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
p.methanawingmai
วันที่ 8 พ.ค. 2560

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
worrasak
วันที่ 8 พ.ค. 2560

กราบอนุโมทนาครับอาจารย์

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
siraya
วันที่ 9 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
rrebs10576
วันที่ 9 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Boonyavee
วันที่ 9 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
aurasa
วันที่ 9 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
lack
วันที่ 10 พ.ค. 2560

กราบขอบพระคุณ

และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
เจียมจิต
วันที่ 10 พ.ค. 2560

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
kullawat
วันที่ 7 ก.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
chatchai.k
วันที่ 12 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
มังกรทอง
วันที่ 9 ก.พ. 2565

การที่จะเข้าใจพระธรรม เป็นความดีที่ประเสริฐกว่าอย่างอื่น ตั้งแต่เกิดมา ดีก็มีหลายอย่าง แต่ดีกว่าอย่างอื่น ก็คือ ได้เข้าใจความจริง เพราะฉะนั้น ความจริงเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่จะเป็นสิ่งที่รู้ได้ง่ายเลย รู้ได้แสนยาก พอได้ยินคำนี้ ก็เข้าใจความหมายของคำว่าอดทน อดทนเหนืออย่างอื่นคือไม่ใช่เพียงแต่อดทนที่จะละชั่ว ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี และ อดทนทำความดี แต่อดทนยิ่งกว่านั้น คือ อดทนที่จะเข้าใจสิ่งที่ยากแสนยากและมีค่าที่สูงสุดคือพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
chatchai.k
วันที่ 9 ก.พ. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ