ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๒
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๒
~ พระภิกษุ เป็นโทษมาก ถ้าอาศัยก้อนข้าวของชาวบ้าน แต่ไม่ได้ศึกษาธรรมไม่เข้าใจธรรม ไม่ทำประโยชน์แก่ชาวบ้าน เพราะว่าพระภิกษุจะต้องรู้ว่า เป็นผู้ที่จะต้องทำความดีในเพราะการขอ ซึ่งไม่ใช่ขออย่างขอทาน ไม่ใช่ขออย่างผู้อยากจะได้ แต่ขอเพราะความประพฤติที่แสดงออกทางกาย วาจา และก็มีการศึกษาธรรม ช่วยสังคมด้วยความเข้าใจ ให้เขาได้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง เท่ากับช่วยให้เขาได้พ้นจากความไม่รู้ในชาติก่อนๆ ซึ่งไม่รู้มานานแสนนาน
~ เป็นเรื่องที่จะต้องเข้าใจจริงๆ ว่า ถ้าไม่สามารถที่จะรักษาพระธรรมวินัยและศึกษาพระธรรม เพราะถ้าไม่เข้าใจธรรม รักษาพระวินัยไม่ได้ ไม่ควรบวช เพราะเหตุว่าเป็นโทษอย่างยิ่ง
~ ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ เป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนา เมื่อไม่เข้าใจพระธรรมวินัย
~ ฟังธรรมประโยชน์อยู่ที่ไหน? ประโยชน์อยู่ที่คนฟังได้เข้าใจ ประโยชน์อยู่ตรงเข้าใจ
~ ถ้าเห็นผิดว่าคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ต้องศึกษาเลย เริ่มผิดแล้ว
นั่นคือทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดไม่เหลือเลย เพราะฉะนั้น เป็นอันตรายใหญ่หลวงแค่ไหน เพราะว่าคำทุกคำ (ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) มีค่าที่ประเสริฐที่สุดไม่มีอะไรจะเทียบได้ แล้ว (ผู้นั้นที่มีความเห็นผิด) กั้นไม่ให้เขาได้ยินได้ฟังคำที่ถูก เป็นการทำลายคำที่ยากแสนยากที่จะมีโอกาสได้ฟัง ยากที่สุด ก็ไปให้เขาไม่ได้ยินได้ฟังได้ฟังสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว ยังชาติต่อๆ ไปอีก เพราะฉะนั้น ทำลายประโยชน์มหาศาล จึงได้กล่าวว่า ความเห็นผิด เป็นอันตรายที่สุด
~ โมฆบุรุษ ว่างเปล่าจากประโยชน์ เพราะไม่ได้เข้าใจความลึกซึ้งของพระธรรม แค่ได้ยินว่าพระพุทธศาสนา และคิดว่าตัวเองเป็นชาวพุทธ แต่ว่าว่างเปล่า เพราะว่าไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น ไม่ใช่แค่ว่างเปล่า ยังห่างไกล หันหลังให้พระสัทธรรม เพราะเหตุว่า ไม่มีทางเข้าใกล้ความจริงที่ได้ทรงแสดงไว้เลย เพราะทั้งหมดไม่ได้เข้าใกล้ ด้วยการเงี่ยโสต (เงี่ยหู) ลงสดับ ด้วยการพิจารณา ด้วยการเข้าใจ เพราะฉะนั้น ก็ทำลายคำสอน ถ้าเข้าใจผิด
~ เข้าใจผิด คิดว่าพระพุทธศาสนา ง่าย ไม่ต้องเรียน ก็ได้ คิดได้อย่างไร นี่อันตรายที่สุด ที่ประมาทคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ คนที่เคยฟังคำสอนอื่น ไปหลงผิด ไปปฏิบัติผิดมา แต่เพราะการที่เคยสะสมความเป็นผู้มีเหตุผล ความเป็นผู้ตรง ความเป็นผู้เห็นสาระของการเข้าใจสิ่งที่จริง ไม่ต้องการสิ่งที่ไม่จริง พอได้ฟังธรรม เขาเปลี่ยนเลย เพราะเหตุว่า เขารู้ว่าที่ผ่านมาแล้วทั้งหมด ไม่ใช่ความถูกต้อง ไม่จริง ไม่ใช่ความเข้าใจใดๆ เลยทั้งสิ้น
~ เพียรที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ นั่นคือประโยชน์สูงสุด
ถ้าไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ แล้วจะไปหาความจริงอะไรที่ไหนมารู้
~ เพียรฟังพระธรรมจนกระทั่งค่อยๆ หมดความสงสัย ค่อยๆ ละความเป็นเรา
~ พระธรรมเป็นสิ่งที่สามารถเข้าใจได้ แต่ว่า ลึกซึ้ง เป็นประโยชน์, คำไหนที่ไม่ใช่คำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง ทุกคำไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด
~ ถ้าไม่ได้ฟังคำที่ถูกต้อง ก็ไปสู่คำผิดๆ แม้แต่ต่างประเทศทั่วโลก ก็มีสำนักปฏิบัติ เพราะไม่เข้าใจ
~ ผู้ที่ได้ฟังพระธรรมแล้ว ที่จะไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีไหม? แล้วเคารพแค่ไหน? ในสังสารวัฏฏ์เคยได้ยินคำเหล่านี้ไหม? แม้ว่าสิ่งที่มีจริงยังไม่ได้ประจักษ์แจ้ง แต่ก็รู้ว่าเมื่อเข้าใจขึ้นต่างหาก จึงจะค่อยๆ ละความไม่รู้และการยึดถือ
~ เพียงวัตถุภายนอกยังสละไม่ได้ แล้วจะสละความเป็นเรา ซึ่งเคยเป็นเรามานานแสนนาน ได้อย่างไร
~ ให้คนเข้าใจผิด บาปหรือบุญ?
~ ไปเพียรผิด ไม่มีทางที่จะรู้ความจริงได้เลย
~ ผิด แม้นิดเดียว ก็ผิดแล้ว
~ คำชั่ว ไม่สามารถทำให้พ้นจากทุกข์ได้
~ ถ้าเป็นข้อปฏิบัติที่ผิดแล้ว ใครเกียจคร้านไม่ทำตาม ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดว่าท่านกำลังขี้เกียจ ท่านกำลังหมดความเพียร ท่านไม่ไปขมักเขม้นทำข้อปฏิบัติที่ผิด เพราะเหตุว่ายิ่งประพฤติปฏิบัติข้อปฏิบัติที่ผิด ก็ย่อมมีแต่โทษ ไม่ได้ทำให้ปัญญารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้
~ ผู้เกียจคร้านในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ดี ย่อมอยู่เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะโลภะ ทุกข์เพราะโทสะ ทุกข์เพราะโมหะ ทุกข์เพราะริษยา ทุกข์เพราะอกุศลธรรมนานาประการทีเดียว
~ เพียรที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ซึ่งไม่รู้มานานแสนนานในสังสารวัฏฏ์
~ ถ้าไม่รู้จักอกุศลตามความเป็นจริง ไม่มีทางเลยที่ท่านจะรู้ว่า ท่านมีอกุศลมากน้อยเท่าไร แล้วในทุกๆ วันนี้ อกุศลเพิ่มขึ้นเท่าไร แล้วการที่จะขัดเกลาจนกระทั่งดับหมดเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด) จะต้องอาศัยปัญญาที่มีกำลังจริงๆ จึงจะดับได้
~ เวลาที่พูดโดยการขาดสติ ขาดความระวัง ขาดความเคารพ ผู้พูดในขณะนั้นไม่รู้สึกตัวเลย เพราะฉะนั้น อกุศลทั้งหลายละเอียดและมีปัจจัยที่จะปรุงแต่งให้เป็นเพียงขั้นความคิด หรือว่าเป็นทุจริตทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง
~ เวลาที่ท่านโกรธ บางครั้งท่านบอกว่าต้องโกรธ ควรโกรธ ไม่โกรธไม่ได้ ใช่ไหม? สติไม่ได้เกิดขึ้น ปัญญาไม่ได้เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่เห็นโทษ ไม่เห็นภัยว่า โทสะเป็นอกุศล ไม่ว่าจะน้อยหรือจะมาก ก็เป็นอกุศลแล้ว
~ ช่วยให้คนได้เข้าใจถูก เป็นกุศล เป็นความดี แต่ถ้าให้เขาเข้าใจผิด ตรงกันข้ามเลย ทำลายชีวิตเขาทั้งในชาตินี้และในชาติต่อไปด้วย
~ ทางผิด (มิจฉามรรค) นำไปสู่ความเห็นผิดยิ่งๆ ขึ้นไป สำคัญว่าได้เข้าใจถูกสำคัญว่าได้หลุดพ้น แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เป็นความเห็นผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง
~ ว่าง่าย ไม่ใช่เชื่อง่าย ว่าง่ายด้วยการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเรากล่าวว่า เรามีพระองค์เป็นที่พึ่ง จะพึ่งเมื่อไหร่? เมื่อเข้าใจธรรม
~ หวังว่าทุกคนจะมีความเข้าใจที่มั่นคง ถูกต้อง ที่จะแก้ไขการที่ไม่ศึกษาธรรมให้ถูกต้องและประพฤติผิดตามๆ กันมา แก้ได้แค่ไหน ก็แค่นั้น ไฟกองใหญ่ น้ำนิดหน่อย ก็ยังสามารถดับส่วนที่เป็นไฟได้ ตามสมควร
~ เกิดมา ประโยชน์อยู่ที่การมีโอกาสได้ฟังคำจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๑
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
_/\_ _/\_ _/\_
ขอนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ