ความเห็นผิด จะนำมาซึ่งสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สรุปสาระสำคัญของการสนทนาพระสูตร
วรรคที่ ๓ แห่งเอกนิบาต
ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันเสาร์ที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๐
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทำร้ายใครเลย แต่กลับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในสังสารวัฏฏ์ ซึ่งสามารถที่จะทำให้ค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มีจริงได้ ซึ่งควรอย่างยิ่งที่จะได้รู้
~ ฟังคำของคนที่มีความเห็นผิด เข้าใจผิด พูดผิด คนฟังเชื่อไหม? ถ้าเชื่อ ก็เห็นผิดตามไปด้วย เห็นโทษไหม? เป็นอันตรายมากสำหรับการฟังคำของคนอื่นที่ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ควรรู้สิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ไหม? มีแท้ๆ นานแสนนานมาแล้วตั้งนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้สักที และจะไม่รู้ต่อไปแน่นอน ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ สิ่งที่มีจริง กว่าจะรู้ได้ ไม่ง่ายเลย เพราะเหตุว่า ก็มีจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ แสดงว่าลึกซึ้ง ยากแค่ไหน เพราะฉะนั้น ก็ไม่ข้ามไปหาคนอื่น ไม่เอาคำของคนอื่นมาปะปนกับคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ การฟังพระธรรม ไม่ใช่ฟังเพื่ออย่างอื่น แต่ฟังแล้วฟังอีก ก็เพื่อความเข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้
~ ความเข้าใจถูกเห็นถูก สงบจากความไม่รู้และกิเลสทั้งหลายด้วย
~ ไม่รู้สักอย่าง จนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งยากที่จะได้ฟัง เพราะเหตุว่า นำมาซึ่งความเข้าใจความจริงจนถึงที่สุดของสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้
~ ตลอด ๔๕ พรรษาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม ทุกคำ เพื่อเราทุกคน
~ เวลาที่กุศลจิตเกิด จะมีอกุศลเจตสิกประการต่างๆ (เช่น โลภะ โมหะ เป็นต้น) เกิดร่วมด้วยไม่ได้เลย
~ คนที่มีความเห็นผิด แม้จะมีเพียงคนเดียว ก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะเหตุว่าทำให้คนอื่นเห็นผิดตามไปด้วย
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ เป็นปัญญา เพราะจะทำให้ผู้ฟังผู้ศึกษาเกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก
~ ทุกคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัส เป็นคำจริง และเป็นประโยชน์เกื้อกูล ทั้งนั้น
~ ใครก็ตามที่ไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็เป็นผู้ว่างเปล่าจากปัญญา (คือ เป็นโมฆบุรุษ) ทั้งนั้น
~ ยังหลงทางอยู่ จนกว่าจะค่อยๆ รู้ทางออกจากป่า (คือความเห็นผิด) พอรู้ทางออกจากป่า ถึงการออกจากป่า โล่งใจแค่ไหนลองคิดดู ซึ่งจะต้องอาศัยพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเท่านั้น ที่จะทำให้พ้นจากความเห็นผิด ออกจากป่าที่รกชัฏคือความเห็นผิดได้ในที่สุด
~ เราไม่สามารถที่จะละกิเลสด้วยตนเอง แต่อาศัยคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แล้วทั้งหมด ทำให้เกิดความเห็นที่ถูกต้อง ว่า อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นประโยชน์ แล้วก็ค่อยๆ เพิ่มความเข้าใจถูกต้อง โดยความเป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา
~ ใครก็ตาม ฟังพระธรรมแล้ว วันหนึ่งวันใด สามารถจากที่เคยมีอกุศลนั้นๆ เกิด ก็สามารถที่จะมีปัญญาตามลำดับขั้นได้ นั่นคือ ผู้ที่ไม่ว่างเปล่าจากประโยชน์
~ ฟังพระธรรม เพื่อที่จะเป็นเกราะ (ป้องกันภัย ไม่ให้ตกไปในฝ่ายผิด) ที่จะได้เข้าใจถูกต้องว่า คำใดถูก คำใดผิด คำใดดี คำใดชั่ว มิฉะนั้น ก็เอาตัวไม่รอด
~ ความเห็นผิด จะนำบุญมาให้ได้อย่างไร แม้แต่ แต่ละคำที่เกิดจากความเห็นผิด ก็เป็นโทษอย่างยิ่งที่ชักชวนให้คนอื่นเห็นผิดตามไปมากมาย
~ ฟังพระธรรมในวันนี้ เพื่อให้รู้ว่า คำใดเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาที่ได้ยินคำอื่น ก็จะได้รู้ว่า นั่นไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ความเห็นผิด ก็บอกอยู่แล้ว จะนำมาซึ่งสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้ น่ากลัวจนต้องกล่าวถึงความเห็นผิด เพื่อจะได้รู้ว่า อะไรผิด ก็รีบละทิ้ง
~ การสนทนาธรรม เพื่ออะไร? เพื่อความเข้าใจ แล้วใครเข้าใจ? ก็คนที่สนทนานั่นแหละเข้าใจ ถ้าเข้าใจเพราะได้ฟัง ผู้ที่ให้เขาเข้าใจได้ ก็เป็นเพื่อนที่ดี คือ ให้สิ่งที่ดี ให้สิ่งที่ถูกต้อง ให้ความจริง ให้ทุกอย่าง ซึ่งไม่เป็นอันตรายหรือว่าไม่ทำร้ายเลย
~ ถ้ามีความเข้าใจถูกต้องเมื่อไหร่ ก็เลิกทำผิดเมื่อนั้น
~ ถ้าเข้าใจพระธรรมจริงๆ เห็นคุณของพระธรรมจริงๆ เราจะขาดการฟังพระธรรมไหม? ไม่ขาดการฟังพระธรรม
~ พูดถึงความเห็นผิด ให้เข้าใจถูกต้อง ว่า “นั่น เห็นผิด” มิฉะนั้นจะมีประโยชน์อะไร แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังตรัสไว้ ให้รู้ชัดเจนว่า อะไรผิด อะไรถูก.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน...
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ