ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๕
~ เมื่อโกรธเกิดขึ้นแล้ว ดีไหม? (ไม่ดี) ใครเดือดร้อน? โกรธเกิดที่ไหนไม่เป็นสุข จะทำให้คนที่มีความโกรธ เป็นสุข เป็นไปไม่ได้เลย เพราะลักษณะนั้นเป็นสภาพที่เดือดร้อน แม้จิตในขณะนั้น ก็มีโทสะหรือความขุ่นเคืองใจเกิดร่วมด้วย ขณะนั้นเดือดร้อนจริงๆ
~ ต้องอาศัยกาลเวลา ในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อที่จะขัดเกลากิเลส เมื่อเห็นกิเลสมากเท่าไร ก็รู้ว่า จะต้องอาศัยกาลเวลานานมากทีเดียว กว่าที่จะขัดเกลากิเลสนั้นๆ ได้ โดยที่ไม่ขาดการฟังพระธรรม และไม่ขาดการที่จะพิจารณาตนเอง เพราะเหตุว่าพระธรรมที่ได้ฟังทั้งหมด เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญา และการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น
~ ความเข้าใจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ละความไม่รู้ (คือ) ไม่รู้โทษของทุจริต ไม่รู้โทษของธรรมที่เป็นอกุศล ว่า ธรรมที่เป็นอกุศล ทำลายตนเอง คนนั้น ไม่ได้ทำลายคนอื่น เมื่อมีมาก จึงทำลายคนอื่น
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงต้องการเครื่องสักการะใดๆ ทั้งสิ้น (ไม่ได้ทรงต้องการ) ดอกไม้ธูปเทียนอะไรทั้งหมด แต่พระองค์ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้เขามีความเห็นที่ถูกต้อง ด้วยพระมหากรุณาอย่างยิ่ง เพื่อเขาซึ่งไม่รู้ จะได้รู้ เพราะฉะนั้น คำใดที่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคำจริง เป็นคำที่ทุกคนควรเคารพ ไม่ใช่ไปบิดเบือน หรือว่าไปทำสิ่งซึ่งทำลายคำสอน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะความไม่รู้
~ ถ้าไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีทางเลยที่จะมีแสงสว่าง ที่จะทำให้หายจากความมืด ซึ่งเกิดมานับชาติไม่ถ้วนแล้วไม่รู้อะไรเลย แล้วทั้งหมดก็หมดไปแต่ละชาติๆ
~ เกิดมาก็มีชีวิตอยู่ไม่นาน ประโยชน์ที่ประเสริฐที่สุดคือเมื่อเข้าใจธรรมและทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ด้วย
~ ไม่ว่าอกุศลในวันหนึ่งๆ จะมีมากมายสักเท่าไรก็ตาม แต่ถ้าเป็นผู้ที่มากด้วยศรัทธา สะสมศรัทธา เห็นประโยชน์ของกุศล ขณะนั้นก็มีปัจจัยที่ศรัทธาจะเกิดขึ้นแทนอกุศล แล้ววันหนึ่งๆ เราไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่า มีอกุศลมากเท่าไร ก็แสดงให้เห็นว่า ต้องเจริญศรัทธาขึ้นอีกมากเท่าไร จึงสามารถดำเนินไปสู่หนทางดับกิเลสทั้งหลายได้ แต่ถ้าเรายังคงปล่อย วันหนึ่งก็มีอกุศลมาก ศรัทธา ความผ่องใสของจิต ที่เห็นประโยชน์ของกุศลไม่เกิดเลย ขณะนั้นก็หมักหมมเพิ่มอกุศลขึ้น
~ ฟังธรรมเพื่อให้เข้าใจ จะมั่นคงอยู่ในทางคุณธรรม เพื่อจะได้ไม่ไปสู่อบายภูมิ โดยที่ใครก็พาไปไม่ได้ นอกจากการกระทำของตนเอง แต่ถ้าไม่เข้าใจและไม่เห็นโทษภัย ความติดข้องก็สามารถทำให้เกิดทุจริต
~ พระภิกษุทุกรูปไม่มีเรื่องที่เกี่ยวกับเงินทองใดๆ ทั้งสิ้น ภาระหรือกิจธุระของท่าน ก็คือศึกษาพระธรรมวินัยและประพฤติปฏิบัติในเพศของบรรพชิตตามพระวินัย
~ ภิกษุที่ไม่ได้ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ไม่ใช่บรรพชิต ไม่ใช่ผู้กำจัดกิเลส แต่เมื่อเป็นบรรพชิตแล้ว ต้องรู้ว่า มีชีวิตอย่างคฤหัสถ์ไม่ได้
~ การเข้าใจธรรม ก็เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลส ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์
~ ขณะนี้ทุกคนก็ตรงกันที่รู้ว่า ขณะนี้เป็นธรรม ไม่ลืมว่า ธรรมคือเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปแสวงหาที่อื่น เพราะขณะนี้เป็นธรรม
~ ถ้าขณะนั้นทำด้วยความต้องการ ไม่มีทางเป็นบุญ เพราะเหตุว่าไม่ได้ชำระล้างความต้องการ คืออกุศลเลย
~ การเป็นชาวพุทธต้องศึกษาให้เข้าใจพระธรรม ซึ่งพระธรรมไม่ง่าย และเมื่อศึกษาแล้ว ต้องทราบว่า ไม่ใช่เพียงศึกษาให้เข้าใจ แต่ว่าจะต้องพิจารณาเพื่อจะประพฤติปฏิบัติตาม ตามความสามารถ ตามสติปัญญา และตามการสะสมที่จะต้องค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนกว่าจะเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการมีชีวิตอย่างชาวพุทธที่ได้ทำหน้าที่ของชาวพุทธ
~ ทุกอย่างเป็นธรรม ถูกคือถูก ผิดคือผิด ใครจะเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก หรือใครจะให้ถูกเป็นผิด ไม่ได้
~ เพื่อนคือใคร มิตรที่หวังดีเป็นเพื่อนที่พร้อมจะเกื้อกูล ช่วยเหลือทุกอย่าง แต่การช่วยเหลือก็อาจจะเป็นความสะดวกสบาย ความป่วยไข้ หรือธุรกิจการงาน แต่เพื่อนที่มีความหวังดีจริงๆ ที่จะให้บุคคลนั้นเป็นคนดี เพราะไม่ว่าจะเป็นคนในบ้าน นอกบ้าน หรือประเทศชาติ หรือโลก ที่จะสงบได้ก็เพราะคุณความดี ไม่ใช่เพราะความไม่ดี
~ ความดีความงามเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม น่ายินดี ยากที่จะกระทำได้ อย่าประมาทว่า บุญเล็กบุญน้อย ให้สักนิดสักหน่อย หรือช่วยใครสักนิดสักหน่อย ขณะนั้นถ้าเป็นอกุศล ทำไม่ได้เลย จะช่วยใครก็ช่วยไม่ได้ จะให้อะไรใครสักนิดหนึ่งก็ให้ไม่ได้ เพราะว่าขณะนั้นเป็นอกุศลจิต แต่ขณะใดก็ตามที่กุศลสามารถจะเกิดขึ้นได้ แล้วเป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชมแน่ๆ ว่า คนนั้นได้ทำสิ่งที่ดี ขณะที่ยินดีในสิ่งที่คนอื่นกระทำกุศล แม้เราไม่ได้กระทำเอง จิตขณะนั้นก็เป็นกุศล
~ กุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ก็ทำให้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เป็นไปในทางที่ดีงามเกิดขึ้นเป็นไป
~ ขณะใดที่ไม่เข้าใจธรรม ขณะนั้นก็เป็นอวิชชา (ความไม่รู้) ขณะใดที่ติดข้อง จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ขณะนั้นก็มีอวิชชา ขณะใดที่ขุ่นเคืองไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อย นิดเดียวเอง ขณะนั้นก็ต้องมีอวิชชา ขณะใดที่สำคัญตน วันหนึ่งๆ ก็อาจจะไม่น้อยเลยสำหรับบางคน ขณะนั้นก็มีอวิชชา
~ อกุศลเป็นโรคของจิตใจ ยิ่งถ้าเป็นกิเลสที่มีกำลังมาก ก็เหมือนโรคกำเริบที่ทำความเสียหายอย่างมาก การศึกษาและอบรมเจริญปัญญารู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เท่านั้น ที่เป็นเสมือนยาที่จะรักษาจิตใจให้ปราศจากโรค คือ กิเลส
~ เข้าใจธรรมเป็นบุญหรือเปล่า? เป็นบุญ ไม่ยากที่จะไปขวนขวายที่ไหน โอกาสไหนก็ได้ที่เป็นสิ่งที่ดีก็ทำเพราะว่าถ้ากุศลจิตไม่เกิด ขณะนั้นอกุศลก็เกิด ต้องไม่ประมาทแม้กุศลเล็กๆ น้อยๆ นิดๆ หน่อยๆ เพราะว่าถ้าขณะนั้นอกุศลเกิดก็ทำสิ่งที่ดีงามไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ทำดีเพราะรู้ว่า ถ้าไม่ทำดีก็เป็นอกุศล
~ กำลังของปัญญาต่างหากที่จะทำให้ชีวิตประจำวัน ค่อยๆ เป็นไปในทางที่ถูกต้องยิ่งขึ้น
~ ถ้าชาวพุทธไม่ศึกษาและไม่เข้าใจพระธรรมวินัย จะช่วยแต่ละหนึ่งบุคคลให้เว้นจากทุจริตและช่วยให้ประเทศชาติมั่นคงได้อย่างไร?
~ เมื่อเห็นคนเดือดร้อน คิดอย่างไร? ถ้าสะสมปัญญามา ก็จะคิดว่าเราจะไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนจนถึงกับเป็นทุกข์ถึงอย่างนั้น
~ การฟังธรรมเพื่อที่จะคล้อยมาสู่สิ่งที่กำลังปรากฏว่าเป็นจริงอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ ไม่ใช่ฟังเผินๆ
~ พระธรรมทุกคำสำหรับแต่ละคนที่กำลังเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในขณะที่กำลังฟัง ฟังคำของพระองค์เมื่อไหร่ก็เหมือนกับกำลังเฝ้าพระองค์เมื่อนั้น
~ ความไม่รู้ ไม่มีสาระ
~ สาระที่ได้แต่ละชาติ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูกที่ได้สะสมไว้
~ ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต คือ ความเข้าใจธรรม.
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๐๔
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
~ การเป็นชาวพุทธต้องศึกษาให้เข้าใจพระธรรม ซึ่งพระธรรมไม่ง่าย และเมื่อศึกษาแล้ว ต้องทราบว่า ไม่ใช่เพียงศึกษาให้เข้าใจ แต่ว่าจะต้องพิจารณาเพื่อจะประพฤติปฏิบัติตาม ตามความสามารถ ตามสติปัญญา และตามการสะสมที่จะต้องค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนกว่าจะเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการมีชีวิตอย่างชาวพุทธที่ได้ทำหน้าที่ของชาวพุทธ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ไม่ว่าอกุศลในวันหนึ่งๆ จะมีมากมายสักเท่าไรก็ตาม แต่ถ้าเป็นผู้ที่มากด้วยศรัทธา สะสมศรัทธา เห็นประโยชน์ของกุศล ขณะนั้นก็มีปัจจัยที่ศรัทธาจะเกิดขึ้นแทนอกุศล แล้ววันหนึ่งๆ เราไม่เคยรู้สึกตัวเลยว่า มีอกุศลมากเท่าไร ก็แสดงให้เห็นว่า ต้องเจริญศรัทธาขึ้นอีกมากเท่าไร จึงสามารถดำเนินไปสู่หนทางดับกิเลสทั้งหลายได้
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ