ไม่มีทางเข้าใจความจริงได้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สรุปสาระสำคัญ
ของการสนทนาธรรม
ที่กนกรัตน์รีสอร์ท อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
วันจันทร์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๐
----------------------
~ มีโอกาสได้เหมือนเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะได้เริ่มเห็นพระองค์จากการที่ได้ฟังพระธรรม แล้วเห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่งของพระธรรม
~ ความจริง เป็นสิ่งซึ่งใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่ว่าใครทั้งหมด แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเองพระองค์ก็ไม่ได้ตรัสว่า พระองค์เปลี่ยนแปลงธรรม ได้สร้างธรรม ได้ทำให้ธรรมเกิดขึ้น แต่ว่าจากการที่ได้ทรงตรัสรู้ความจริง จึงได้ทรงแสดงความจริงตามความเป็นจริง
~ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามทั้งเทวดา พรหม มนุษย์ ก็ไม่มีทางเข้าใจความจริงได้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
~ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะรู้ได้อย่างไร ว่า ธรรม คือ อะไร?
~ ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ เตือนให้รู้แล้วว่า ธรรม คือ ขณะนี้ ไม่ต้องไปแสวงหาธรรมที่ไหน
~ ทั้งๆ ที่เดี๋ยวนี้ก็มีธรรม แต่จะไม่รู้จักเลยว่าเป็นธรรม ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
~ ชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง
~ เห็นเกิดขึ้นเห็น ทำอย่างอื่นไม่ได้ เพียงเกิดขึ้นทำกิจเห็นแล้วก็ดับไป
~ ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยให้เห็นเกิดขึ้น เห็นก็เกิดขึ้นไม่ได้
~ เข้าใจให้ถูกต้อง ว่า ธรรมเป็นธรรม ไม่ใช่เรา
~ เพราะไม่รู้จึงหลงยึดถือในสิ่งที่ไม่มีว่า เป็นเรา เป็นของของเรา
~ ไม่เคยขาดจิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เลย ตั้งแต่ขณะก่อนจนมาถึงขณะนี้
~ สิ่งที่เกิดแล้วดับไปแล้ว จะเป็นเรา จะเป็นของของเราได้อย่างไร
~ ฟังพระธรรมเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้
~ สิ่งที่มีจริงๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริง ให้คนที่มีโอกาสได้ฟังได้เข้าใจได้รู้ตามพระองค์ด้วย เพราะฉะนั้น ผู้ที่ฟังธรรม จึงเป็นสาวก หมายความถึง ผู้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ เมื่อมีปัญญาเข้าใจความจริง สภาพธรรมทั้งหลายที่เป็นฝ่ายดีก็เจริญมากขึ้น
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ นำไปสู่การเกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งใครก็ให้ไม่ได้
~ ไม่ได้ฟังธรรมเมื่อไหร่ ก็เหมือนนอนหลับในความมืดทุกชาติไป
~ ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะไม่ได้ยินได้ฟังแม้แต่คำเดียวที่ทำให้เรากำลังเริ่มเข้าใจความจริงในขณะนี้
~ ถ้าชาวพุทธไม่ฟังพระธรรม จะเคารพนับถืออะไร?
~ เมื่อไหร่ ใจที่หนักด้วยกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) จะสะอาด จะปลอดโปร่ง จะพ้นจากความทุกข์ ความต้องการทั้งปวงได้ ดับซึ่งความอยากซึ่งนำมาซึ่งความทุกข์?
~ ต้องรู้ค่าของพระธรรม ซึ่งจะนำไปสู่ความดับทุกข์ เพราะปัญญารู้ความจริง
~ ไม่ใช่คน แต่เป็นขันธ์ ๕ (สภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่าจากความเป็นตัวตนสัตว์บุคคล ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
~ แต่ละหนึ่งที่เกิดขึ้นนั่นแหละเป็นขันธ์
~ สิ่งที่เกิด เกิดเพราะเหตุปัจจัย ใครจะไปบังคับบัญชาอะไรได้
~ เห็นประโยชน์ของพระธรรมหรือเปล่า? ในเมื่อเห็นประโยชน์ของพระธรรม มีการฟัง มีการศึกษา ไม่ขาดการฟัง ก็ย่อมจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น
~ พูดคำที่ไม่รู้จักตั้งแต่เกิดจนตาย จนกว่าจะได้ฟังพระธรรม
~ ถ้าเขาไม่สนใจที่จะฟังพระธรรม แม้เราจะจูงมือให้เขามาฟัง เขาก็ไม่สนใจที่จะฟัง
~ พูดคำถูก ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ เช่น คำว่า บุญ เป็นธรรมที่ดีงาม ไม่เป็นโทษ ทั้งในขณะที่เกิดขึ้น และไม่ให้ผลที่เป็นโทษเลยแม้แต่น้อย
~ คนทั้งหลายที่ทำชั่ว ก็เพราะว่าไม่เห็นโทษของความชั่ว
~ ถ้ารู้จริงๆ ว่า "สิ่งนี้ ไม่ดี" แล้วจะทำไหม?
~ ทุกอย่างที่มีจริง ไม่เว้น ล้วนเป็นธรรม
~ ขันติบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส คือ ความอดทน) ถ้าไม่มี ก็ไม่สามารถเข้าใจความจริงได้
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคำที่เกื้อกูลให้ผู้ฟัง ได้มีความเข้าใจถูกจากแต่ละคำที่ได้ยินได้ฟัง
~ ถ้าเห็นโทษของกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) อยากมีกิเลสไหม? (ไม่อยากมี) แต่เพราะยังไม่เห็นโทษของกิเลส จึงยังมีกิเลสอยู่
~ ปัญญา สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริงได้.
ขอเชิญคลิกฟังบางช่วงบางตอนของการสนทนาธรรมในครั้งนี้ได้ที่นี่ครับ
พระรัตนตรัย
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...