สรุปความสำคัญของวันอาสาฬหบูชา
ขอความสำคัญ สาระของวันอาสาฬหบูชา ที่ตรง และเนื้อความของพระธรรมเทศนา โดยสรุปชัดเจน เพื่อจะนำเผยแพร่ให้แด่ กัลยามิตรโดยทั่วไป
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เหตุการณ์สำคัญในวันอาสาฬหบูชา
1. ประกาศพระธรรมจักร แสดงปฐมเทศนา
2. การปฏิสนธิลงในพระครรภ์ของพระโพธิสัตว์
3. ออกมหาภิเนษกรมณ์ (การออกบวช)
4. ทำยมกปาฏิหารย์ ปราบอัญญเดียรถีย์
วันอาสาฬบูชาทรงแสดงปฐมเทศนา มีพระรัตนตรัยเกิดขึ้น
เมื่อครั้งวันวิสาขบูชา คือวันเพ็ญ เดือน 6 พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง กิเลสเหล่าใดที่มีในอดีตจนถึงปัจจุบัน กิเลสเหล่านั้น พระองค์ทรงละกิเลสได้แล้วที่ควงต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา เวลานั้นได้มีพระพุทธเจ้า พระธรรม แต่พระสงฆ์ คือผู้รู้ตามพระองค์ยังไม่เกิดขึ้นในโลก เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พระองค์ทรงประทับอยู่บริเวณนั้นเป็นเวลา 7 สัปดาห์ ครั้นครบ 7 สัปดาห์ พระอินทร์ได้น้อมถวาย ไม้สีฟัน และลูกสมอแด่พระพุทธเจ้า ตปุสสะและภัลลิกะผู้เป็นพ่อค้าได้การดลใจจากเทวดาผู้เป็นญาติให้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าได้ประทานพระเกศา 8 เส้นเป็นสิ่งที่ท่านทั้งสองนำไปบูชา และได้ขอถึงพระพุทธ พระธรรมเป็นที่พึ่ง แต่ยังไม่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นในโลก
เวลาต่อมาพระพุทธเจ้าทรงมีพระดำริว่าสัตว์มากไปด้วยกิเลส ไม่สามารถจะเข้าใจพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงได้ เพราะพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ได้ จึงน้อมพระทัยที่จะไม่แสดงพระธรรมกับสัตว์โลก ท้าวมหาพรหมทราบพระปริวิตกของพระพุทธเจ้า คิดว่าโลกจะพินาศหากพระพุทธเจ้าไม่แสดงธรรม จึงทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรม ด้วยให้เหตุผลว่า สัตว์ที่มีปัญญาสะสมมาที่จะตรัสรู้มีอยู่ ขอพระองค์ทรงแสดงธรรมแก่เขา พระพุทธเจ้าจึงรับอาราธนาและได้ตรัสว่า ขอผู้มีศรัทธาจงเปิดประตูรับพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงเถิด
พระพุทธองค์ทรงตรวจดูว่าเราควรแสดงธรรมแก่ใครก่อน ทรงระลึกถึงอาฬารดาบสและอุทกดาบส ซึ่งท่านทั้งสองก็ได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ได้ไปเกิดในอรูปพรหมซึ่งไม่สามารถที่จะบรรลุธรรมได้ในภพภูมินั้น พระพุทธองค์ทรงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ผู้มีอุปการะเมื่อครั้งบำเพ็ญทุกกรกิริยา จึงมีพระดำริที่จะไปโปรดพระปัญจวัคคีย์
ในเวลาเช้า วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 คือวันอาสาฬหบูชา พระพุทธองค์ทรงเสด็จจากพุทธคยาไปที่เมืองพาราณสี ระยะทาง 18 โยชน์ ระหว่างทางพบอุปกาชีวก ทรงแสดงธรรมให้รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้า แต่ว่าอุปกาชีวกไม่ได้บรรลุธรรมแต่พระองค์ทรงแสดงธรรมเพื่อเป็นอุปนิสัยให้อุปกาชีวก บรรลุในอนาคต ทรงเสด็จถึงเมืองพาราณสีที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันในเวลาเย็นและได้พบพระปัญจวัคคีย์
เจาคันธีสถูป สถานที่พระพุทธเจ้าพบกับพระปัญจวัคคีย์
ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ย่อมแสดงปฐมเทศนาให้หมู่สัตว์บรรลุเป็นครั้งแรก ทุกๆ พระองค์และที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมื่อคราวว่างพระศาสนา เป็นสถานที่ที่พระปัจเจกพุทธเจ้าจะมาพบกัน
บริเวณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวันในปัจจุบัน
เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสด็จถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระปัญจวัคคีย์ได้เห็นพระพุทธเจ้าแล้ว ได้มีความคิดกันว่า พระสมณโคดมมักมากเมื่อก่อนทรมานตนเดี๋ยวนี้ บริโภคอาหาร เราทั้งหลายไม่ควรต้อนรับทำอัญชลี เพียงแค่จัดเสนาสนะที่นั่งไว้ให้เท่านั้น พระพุทธองค์ทรงทราบความคิดของท่านเหล่านั้นจึงแผ่เมตตาไปยังท่านเหล่านั้น เมื่อพระพุทธองค์มาถึง ต่างก็ลืมความคิดเหล่านั้น ต่างก็ไหว้ ลุกรับ ทำกิจที่ควรทำต่างๆ และในคืนของวันอาสาฬหบูชานั้นเอง พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมคือ ธรรมจักรกัปปวตนสูตร เมื่อจบเทศนา ท่านพระอัญญาโกณทัญญะ พร้อมกับพรหมจำนวน 180 ล้าน บรรลุเป็นพระโสดาบัน ครั้งนั้นพระรัตนตรัยคือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เกิดขึ้นแล้วในโลก ความอัศจรรย์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ธรรมจักรอันพระพุทธเจ้าให้เป็นไปแล้ว มีผู้ตรัสรู้ตามแล้ว เหล่าเทวดาทั้งหลายต่างก็ยินดี
ธัมเมกขสถูป สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา
พระธรรมจักร ธัมมจักรกัปปวตนสูตร
พระพุทธองค์ทรงแสดงสูตรนี้เป็นปฐมเทศนาให้พระอัญญาโกณทัญญะ บรรลุเป็นพระอริยบุคคลรูปแรก ข้อความในพระสูตรแสดงใจความดังนี้
บุคคลควรเว้นทางสุดโต่งสองอย่างที่ไม่ใช่หนทางคือ ประการแรก ทางที่ประกอบพัวพันไปด้วยกาม เช่น บุคคลที่เพลิดเพลินยินดีไม่สนใจในการอบรมปัญญา หรือ บุคคลที่คิดว่าการยินดีพอใจในสิ่งต่างๆ ให้มากที่สุดเป็นทางพ้นทุกข์ นี่ไม่ใช่หนทาง ไม่ใช่ทางสายกลาง เป็นทางสุดโต่งประการที่หนึ่ง
ประการที่สอง การประกอบความลำบากแก่ตน ทำให้ตนเองเป็นทุกข์ แต่ไมได้ทำให้ปัญญาเจริญ มีการทรมานตน เป็นต้น ที่เห็นอย่างหยาบ และแม้หนทางที่จะต้องให้ตัวเองเป็นทุกข์ก่อน เช่น นั่งสมาธิจนให้เมื่อยมากๆ เพื่อจะให้เห็นทุกข์นั่นก็ไม่ใช่ทางสายกลาง เป็นการทรมานตนที่เห็นได้ ไม่ได้ทำให้ปัญญาเจริญ เพราะทุกข์มีอยู่แล้วในขณะนี้ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องไปทำให้เมื่อยจึงจะเห็นทุกข์ ทางสายกลาง คือ อริยมรรคมีองค์ 8 เป็นทางดับกิเลส คือทางที่รู้ความจริงรู้ทุกข์ในขณะนี้ นั่นคือสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ รู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจธรรม ธรรมทำหน้าที่เองคือสติและปัญญาเกิด เป็นทางสายกลางเพราะไม่ใช่ความพยายามที่ผิด เป็นทางสายกลางเพราะปัญญาเกิดรู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ฟังให้เข้าใจ ไม่ต้องไปนั่ง ไม่ต้องไปพยายามกำหนดรู้ ทางสายกลางจึงเป็นเรื่องละ ละที่จะอยากรู้ ละที่อยากจะพยายามตามรู้ ตามกำหนด เข้าใจถึงความเป็นอนัตตาของสติและปัญญาว่ามีเหตุปัจจัยก็เกิดเอง หน้าที่คือฟังธรรมให้เข้าใจเท่านั้นเพราะฉะนั้นขณะที่สติและปัญญาเกิดรู้ความจริงในขณะนี้ เป็นทางสายกลาง
วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่พระโพธิสัตว์ปฏิสนธิลงในพระครรภ์
พระโพธิสัตว์เมื่ออยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อทรงเห็นว่าเป็นเวลาเหมาะสมแล้วที่เราจะเกิดในโลกมนุษย์และตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จึงทรงไปยังสวนนันทวันจุติจากภพดุสิตไปเกิดในพระครรภ์ของพระนางมหามายาเทวีในวันอาสาฬหบูชา
ภาพ พระนางมหามายาเทวีทรงพระสุบินและพระโพธิสัตว์ปฏิสนธิในพระครรภ์
ในวันนั้นเอง พระนางมหามายาเทวี ทรงรักษาอุโบสถศีลและบรรทมหลับไป ได้พระสุบินว่าเทวดาผู้เป็นท้าวมหาราชทั้ง 4 ได้ยกพระนางมหามายาเทวีพร้อมกับที่บรรทมไปที่ป่าหิมพานต์ แล้วให้สรงสนานที่สระอโนดาตให้นุ่งห่มผ้าทิพย์ แล้วให้พระนางบรรทมที่ภูเขาเงินลูกหนึ่ง พระโพธิสัตว์เป็นช้างสีขาวอยู่ที่ภูเขาทอง ได้เดินมาจากภูเขาทองมาที่ภูเขาเงิน ได้ถือดอกบัวขาวด้วยงวงเข้าไปที่ภูเขาเงิน ทำการเวียนขวาที่บรรทมของพระนางมหามายาเทวี 3 รอบ แล้วก็หายเข้าไปในพระอุทรของพระนาง เพราะเหตุนั้น พระโพธิสัตว์ได้ปฏิสนธิแล้วในวันเพ็ญ เดือน 8 คือ วันอาสาฬหบูชา
วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่พระโพธิสัตว์ออกมหาภิเนษกรมณ์ (การออกบวช)
เวลาที่พระชนมายุ ๒๙ พรรษา พระมหาสัตว์ทรงทิ้งจักรวรรดิราชย์ที่ตกอยู่ในพระหัตถ์ ไม่ทรงเยื่อใยเหมือนก้อนเขฬะ เสด็จออกจากพระราชย์นิเวศน์อันเป็นสิรินิวาสแห่งจักรพรรดิ เมื่อดาวนักษัตรอุตตราสาฬหะเพ็ญเดือนอาสาฬหะ เสด็จออกจากพระนคร ได้มีพระประสงค์จะทรงแลดูพระนคร ในลำดับแห่งความตรึกนั่นเอง ภูมิประเทศนั้น ก็แปรเปลี่ยนไปเหมือนจักรแป้นหมุนทำภาชนะดิน แก่พระองค์ พระมหาสัตว์ทรงยืนอยู่อย่างเดิม ทอดพระเนตรกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงกระตุ้นม้ากัณฐกะให้บ่ายหน้าไปตามทางที่พึงไป แสดงเจดียสถาน ชื่อ กัณฐกนิวัตตนะ ที่ม้ากัณฐกะหันหน้ากลับ ณ ภูมิประเทศนั้นเสด็จไปด้วยสักการะยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุให้เกิดสิริอันโอฬาร.
วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทำยมกปาฏิหารย์ ปราบอัญญเดียรถีย์
พระศาสดาทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์กำราบเหล่าเดียรถีย์ มิใช่เป็นเรื่องทั่วไปกับสาวก ทรงทราบความที่ชนเป็นอันมากพากันเลื่อมใส เสด็จลงประทับนั่งเหนือพระพุทธอาสน์ ทรงแสดงธรรม ฝูงปาณชาติ ๒๐ โกฏิพากันดื่มน้ำอมฤต. ต่อจากนั้นทรงพระดำริว่า ก็พระพุทธเจ้าแต่ปางก่อน ทรงกระทำปาฏิหาริย์แล้วเสด็จไป ณ ที่ไหน ทรงทราบว่า เสด็จไปสู่ดาวดึงส์พิภพจึงเสด็จลุกจากพระพุทธอาสน์ ย่างพระบาทเบื้องขวาเหยียบเขายุคนธร พระบาทซ้ายเหยียบยอดเขาสิเนรุ แล้วเสด็จเข้าจำพรรษาเหนือบัณฑุกัมพลศิลา โคนปาริฉัตตกพฤกษ์ ภายในระยะกาล ๓ เดือน ทรงแสดงพระอภิธรรมกถาแก่เทวดา
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระบารมีทั้งหมดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญมา ตั้งแต่ครั้งที่เป็นพระโพธิสัตว์ ก็เพื่อที่จะได้ทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้วทรงแสดงพระธรรมให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง ตามพระองค์
เพราะมีการตรัสรู้ และทรงแสดงพระธรรมของพระองค์ จึงทำให้สัตว์โลกที่สะสมเหตุที่ดีมา เห็นประโยชน์ของพระธรรม ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง และได้รับประโยชน์จากพระธรรม เป็นผู้พ้นจากความมืดมิดด้วยความไม่รู้และกิเลสทั้งหลาย ตามกำลังปัญญาของแต่ละบุคคล
จึงเป็นที่น่าพิจารณาว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบมรดกที่ล้ำค่า คือ พระธรรม ให้กับสัตว์โลก แต่ผู้นั้นจะไม่ได้รับมรดกเลย ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาในกุศล คุณงาม ความดี ที่ท่านได้กระทำไว้ดีแล้วด้วยจ้า
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านวิทยากรและทุกท่านค่ะ