ไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม 

 
khampan.a
วันที่  7 ก.ค. 2560
หมายเลข  28967
อ่าน  1,684

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สาระสำคัญของการสนทนาพิเศษ
“พระพุทธศาสนาเถรวาท”
ที่บ้านคุณทักษพล – คุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐

------------------------------------

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่เป็นพระพุทธศาสนา แต่ว่าในครั้งพุทธกาล ก็มีผู้ที่ได้เข้าใจพระธรรมอย่างมั่นคง อบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสถึงความเป็นพระอรหันต์ ท่านเหล่านั้นเป็นเถระแน่นอน หมายความว่าเป็นผู้มั่นคง ไม่มีการเปลี่ยนเลย เพราะฉะนั้น การจะเป็นเถรวาทะ (เถรวาท) ก็เป็นด้วยปัญญา ที่จะสามารถเข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่คลาดเคลื่อน และก็เป็นผู้ที่มั่นคง ในการที่จะเข้าใจจริงๆ ในแต่ละคำ อย่างถูกต้อง และอบรมเจริญปัญญา เพื่อขัดเกลากิเลส

~ เมื่อมีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว คำของพระองค์เป็นคำจริงทุกคำ แต่ลึกซึ้ง เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะเข้าใจจริงๆ ต้องเป็นผู้ที่มั่นคง ตั้งแต่เริ่มที่จะฟังพระธรรม ก็คือ ฟังด้วยการพิจารณา ไตร่ตรอง ว่า คำนั้นมีจริงๆ พิสูจน์ได้เข้าใจได้ ทุกกาละสมัย

~ ถ้าไม่ตรง และไม่จริงใจที่จะขัดเกลากิเลส จะศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่ออะไร?

~ กิเลสเป็นสิ่งที่ควรละ แต่ละเองไม่ได้ ต้องพึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความมั่นคง

~ ผู้ที่มีความมั่นคง จนถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสได้ วาทะของท่าน เป็นไปตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ คำใดก็ตามที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อปัญญาตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ คำนั้นไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ เถรวาทะ คือ คำของผู้ที่เข้าใจธรรมแจ่มแจ้ง โดยละเอียด มั่นคง
ไม่เปลี่ยนแปลง

~ เถรวาทะ ซึ่งเป็นคำของผู้ที่มั่นคงแล้ว จริงๆ จะไม่เปลี่ยนคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยสักคำเดียว คำสอนทุกคำ ต้องตรง ละเอียดลึกซึ้ง เป็นไปเพื่อละคลายกิเลส

~ เถรวาทะ ต้องเป็นคำของผู้ที่มีความเข้าใจพระศาสนาอย่างมั่นคง ไม่เปลี่ยน ตั้งแต่ในครั้งอดีต คือ พระเถระทั้งหลาย วาทะของท่านซึ่งมั่นคง แล้วก็สืบทอดต่อมา เพราะฉะนั้น เมื่อใดก็ตาม ที่ตรงต่อความหมายที่แท้จริงของพระศาสนา เท่านั้น ตรงนั้น เป็นเถรวาท

~ ภิกษุ คือ ผู้ที่ทำความดีในเพราะการขอ (แค่นี้ ซาบซึ้งไหม?) มีชีวิตดำรงอยู่ได้จากอาหาร ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่อยู่ ยารักษาโรค จากผู้อื่นทั้งสิ้น เขาให้สิ่งเหล่านั้นมาเพื่อที่จะให้ทำอะไร? ไม่ใช่เพียงแค่ให้มีชีวิต แต่ (เพื่อให้เป็น) ผู้ที่ทำความดีในเพราะการขอ ซึ่งความดี นี้ ทั้งศึกษาพระธรรม ถ้าไม่มีพระธรรมจะบวชทำไม เพื่ออะไร? แล้วก็ยังจะต้องขัดเกลากิเลส ในเพศบรรพชิต ซึ่งเป็นความดีอย่างละเอียดยิ่ง ซึ่งต่างจากชีวิตของคฤหัสถ์อย่างสิ้นเชิง แม้พูดเพื่อหัวเราะกันเล่น ก็ไม่ได้

~ ไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ได้แต่เพียงชื่อ ว่า เป็นชาวพุทธ

~ ความเข้าใจอย่างมั่นคงในพระธรรมวินัย เท่านั้น จึงจะดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจอย่างมั่นคงก็ดำรงพระพุทธศาสนาไว้ไม่ได้

~ ถ้าขาดการศึกษา ขาดความเข้าใจ พระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ได้อย่างไร

~ ความบริสุทธิ์ของพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ตลอด ๔๕ พรรษา ถ้ามีความเข้าใจผิด คลาดเคลื่อน ก็เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ผุกร่อนไปเรื่อยๆ

ขอเชิญคลิกฟังเนื้อหาที่สำคัญบางส่วนได้ที่นี่ครับ (กรุณาฟังให้จบครับ)

ยังมีหนทางในการรักษาพระพุทธศาสนา

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
swanjariya
วันที่ 8 ก.ค. 2560

ภิกษุ คือ ผู้ที่ทำความดีในเพราะการขอ (แค่นี้ ซาบซึ้งไหม?) ซาบซึ้งอย่างยิ่งถ้าเข้าใจความหมายของความข้างต้น

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างยิ่งในความกล้าหาญ อดทน และพยายามเพื่อให้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับทุกๆ คน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nualchan.deesawat
วันที่ 8 ก.ค. 2560

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 8 ก.ค. 2560

ไม่รู้อะไรเลย ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
thilda
วันที่ 9 ก.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 9 ก.ค. 2560

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 9 ก.ค. 2560

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านที่ร่วมแรงร่วมใจกัน อดทน กล้าหาญในการเผยแพร่ความจริงสิ่งที่ถูกต้องอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อดำรงพระพุทธศาสนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
peem
วันที่ 10 ก.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ