ปัญญา นำไปสู่คุณความดีทั้งหลาย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สรุปสาระสำคัญของการสนทนาธรรม
เนื่องในวันอาสาฬหบูชา
ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันเสาร์ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐
-----------------------------------------------
~ สิ่งที่มีจริงกำลังเผชิญหน้า แต่ไม่สามารถที่จะเข้าใจความเป็นจริงของสิ่งนั้นได้เลย ก็หลงยึดถือสิ่งที่ไม่มี แต่เข้าใจว่ามี คำพูดนี้ก็เหมือนแสงสว่าง ซึ่งจากที่มืดสนิท คิดว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่ตลอดเวลา เป็นการเริ่มเข้าใจตามความเป็นจริงว่า มีเพียงสิ่งที่ปรากฏ
~ ทุกคำเป็นคำจริง สามารถที่จะเข้าใจได้ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ปรากฏว่ามี มีเมื่อปรากฏเท่านั้นเอง แต่ที่ไม่เคยคิด ไม่เคยเข้าใจมาก่อน ก็คือว่า เพียงปรากฏเท่านั้นแล้วก็หายไป ไม่กลับมาอีกเลย ไม่มีอีกเลย
~ ยิ่งฟังก็ยิ่งเข้าใจความเป็นอนัตตา (ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร) ยิ่งขึ้น
~ ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ ด้วยความอดทน ด้วยความมั่นคง ด้วยความจริงใจ
~ ความเข้าใจซึ่งเป็นปัญญาต่างหาก ที่ละความไม่รู้ ไม่ใช่มีเราต่างหากที่ไปละความไม่รู้
~ ปัญญาต่างหากที่นำไปสู่คุณความดีทั้งหลาย
~ ทุกคนอยากจะดี แล้วอย่างไรจึงจะ ดี ได้ ตามที่อยาก ไม่สามารถที่จะ ดี ได้อย่างที่อยาก ถ้าไม่มีปัญญา แต่ถ้ามีปัญญาความเห็นที่ถูกต้อง สิ่งใดเป็นโทษ ปัญญา ละ สิ่งใดเป็นประโยชน์ ปัญญาก็อบรมเจริญกระทำแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์
~ จากอกุศล ซึ่งมีมาก ก็ค่อยๆ ลดน้อยลง ตามกำลังความเข้าใจที่ถูกต้อง กุศลทั้งหลายเพิ่มขึ้น อกุศลน้อยลง ก็สามารถที่จะเข้าใจธรรมที่กำลังปรากฏได้
~ ยิ่งเป็นพระภิกษุ ก็ยิ่งจะต้องทำดี เพราะมีชีวิตที่ประเสริฐกว่าคฤหัสถ์ ต้องมีชีวิตที่เป็นไปด้วยการศึกษาพระธรรม ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
~ ถ้าไม่มีการศึกษาให้เข้าใจพระธรรมและไม่มีการขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ก็เป็นโทษ เป็นบาป ไม่ใช่เป็นบุญ
~ ถ้าไม่เข้าใจธรรม เป็นภิกษุหรือเปล่า? (ไม่เป็น) ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต เป็นภิกษุหรือเปล่า? (ไม่เป็น)
~ ไม่รู้ว่าบวชทำไม เป็นโทษ เป็นบาป
~ ฟังธรรม เพื่อเข้าใจว่าเป็นธรรม (สิ่งที่มีจริงๆ ) จนกว่าจะรู้จักธรรม จนกว่าจะรู้แจ้งว่าทั้งหมดเป็นธรรม ซึ่งเป็นอนัตตา
~ เข้าใจแค่ไหน ความเข้าใจนั้น ก็สามารถที่จะขัดเกลากิเลส ขัดเกลาความไม่รู้ ในระดับของความเข้าใจนั้น
~ อาลัย (ติดข้อง พอใจ) ก็คือ ไม่พร้อมที่จะจากสิ่งนั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มี เพียงแค่มีเมื่อปรากฏแล้วก็หมดไป แต่เสมือนว่าสิ่งที่ปรากฏนั้นยังอยู่ตลอดเวลา ไม่พร้อมที่จะจากไป
~ เคยของหายไหม? แค่นี้ก็เห็นความอาลัยในสิ่งที่หายไปแล้ว ยิ่งเป็นของที่ชอบมาก ความอาลัยนั้นก็ชัดเจนเลย นี่เป็นเพียงแค่สิ่งของ แต่ถ้าเป็นญาติ มิตรสหาย ครอบครัว บุคคลผู้ที่เป็นที่รักนอกจากสมบัติแล้ว รู้ไหมว่าไม่พร้อมที่จะจากไป ยังไม่หมดความอาลัย แต่ความจริงแล้ว รู้ไหมว่า กำลังอาลัย ในสิ่งที่ไม่มีอะไร (เพราะเป็นสิ่งที่เพียงเกิดปรากฏแล้วก็หมดไป)
~ บุคคลใดก็ตามที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคล จะเป็นอุบาสกอุบาสิกา ภิกษุหรือสามเณร ผู้นั้น เป็นสังฆรัตนะ เห็นถึงความประเสริฐยิ่ง จากการที่ไม่รู้ มืดสนิท เหมือนคนตาบอด ไม่รู้ความจริง จนกระทั่ง สามารถรักษาตานั้นให้หายได้ โดยหมอวิเศษผู้เดียว คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า.
ขอเชิญคลิกฟังเนื้อหาที่สำคัญบางช่วงบางตอนได้ที่นี่ครับ
ภิกษุ เป็นผู้ทำความดีในเพราะการขอ
….กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ....