เข้าใกล้คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สรุปสาระสำคัญของการสนทนาธรรม
ที่บริษัท เชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด
วันจันทร์ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐
----------------------------
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำ ต้องไตร่ตรอง และเป็นผู้ตรงต่อความจริง เป็นผู้ที่มีเหตุผล
~ ถ้าจะรับมรดกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ เป็นผู้เริ่มฟังพระธรรม ซึ่งไม่ใช่คำของคนอื่น
~ สิ่งที่มีจริงนี้แหละ ทุกอย่างที่จริง เป็นสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ โดยที่คนอื่นไม่สามารถรู้ได้เลย ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระองค์
~ ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง จากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ ก็ทรงแสดงความจริงของธรรมนั้นให้คนอื่นได้มีโอกาสได้รู้ด้วย จนกระทั่ง จากไม่รู้เลยเป็นรู้ขึ้น ทีละเล็กทีละน้อย ตรงตามที่ได้ฟัง น่าอัศจรรย์ไหม?
~ ความไม่รู้ มีไหม? มี, กำลังไม่รู้ จะบอกว่าไม่มีความไม่รู้ได้อย่างไร
~ อาการโกรธ กระด้าง ผิดปกติ ธรรมดาๆ ไม่โกรธก็ดูดี ไม่เป็นอะไร แต่พอขุ่นขึ้นมานิดเดียว ความกระด้างปรากฏ
~ ใครก็ตามที่มีโอกาสได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น จึงจะรู้ว่าคำอื่น ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ สิ่งที่มีค่าที่สุดคือความเข้าใจพระธรรม, จากโลกนี้ไปแล้ว ไม่มีอะไรที่จะติดตามไปได้เลย แม้ร่างกายของเราที่เข้าใจว่าเป็นเราหรือของเรา ก็ไปด้วยไม่ได้
~ กิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) มี เพราะไม่รู้ จึงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง
~ ความเข้าใจผิดทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด และทำลายประเทศชาติด้วย เต็มไปด้วยอกุศล ก็ลองคิดดูว่า จะดีได้อย่างไร
~ ความไม่รู้ เป็นอกุศล นำมาซึ่งความโลภ ความโกรธ ความริษยา ความสำคัญตน ทุกอย่างหมดที่จะทำลาย เพราะเหตุว่าไม่ได้นำสิ่งที่เป็นประโยชน์มาให้เลย
~ กิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ทำลายอะไรก่อน? ทำลายจิต เพราะกิเลสเกิดกับจิต จิตเศร้าหมอง ถูกทำลายไปเรื่อยๆ
~ คิดว่าทำร้ายคนอื่น แต่หารู้ไม่ว่า ก่อนทำร้ายคนอื่น ทำร้ายตนเองแล้ว ถ้าเข้าใจถูกอย่างนี้จะดีขึ้นไหม จะไม่ทำร้ายใครแล้ว เพราะว่าการทำร้าย เกิดขึ้น จากจิตของเราที่เลวต่างหาก เพราะจิตเลว จึงสามารถทำสิ่งที่เลวได้ เพราะฉะนั้น โลกจะสงบขึ้นไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดีเพิ่มขึ้น ประเทศชาติจะมั่นคงขึ้นไหม ถ้าทุกคนเป็นคนดีเพิ่มขึ้น
~ คำใดที่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อการละ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อการจะได้มา เพราะการที่จะได้มาทั้งหมด เป็นเรื่องของความต้องการ เป็นเรื่องของความไม่รู้ แต่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ เป็นไปเพื่อละความไม่รู้และละกิเลสอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ พระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง แต่ถูกปกปิดไว้หมดด้วยคำที่ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วพระศาสนาจะรุ่งเรืองได้อย่างไร เพราะฉะนั้น การที่ได้เข้าใจธรรม กล่าวคำจริง ด้วยความหวังดีที่เป็นกัลยามิตรที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกเห็นถูกในคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์? (เป็นประโยชน์) ควรกล่าวหรือไม่ควรกล่าว? (ควรกล่าว)
~ ต้องรู้ว่า ต้องเป็นความจริง จึงสมควรที่จะให้คนอื่นได้รับฟัง มิฉะนั้นแล้ว เขาก็เข้าใจผิด
~ เวลาที่มีการสละสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของเขา ถ้าสติไม่เกิดระลึกเป็นไปในการให้ จะไม่มีการให้เลย
~ กุศลเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่ใช่เรา แต่สติเกิดขึ้นระลึกเป็นไปในกุศล
~ ผู้ที่มีการสะสมที่จะมีความเข้าใจผิด ไปไหน? ไม่ได้ไปหาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย แต่ไปไหน ไปหาคนอื่นที่มีชื่อเสียงที่เขาคิดว่าถูกต้อง เพราะฉะนั้น เป็นธาตุ (สิ่งที่มีจริง ทรงไว้ซึ่งลักษณะของตน) ทั้งหมด ความไม่รู้กับความเห็นผิด ก็ไปตามความไม่รู้และความเห็นผิดซึ่งเกิดขึ้นนำไป
~ พระธรรม ยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง เพื่อให้คนได้เข้าใจถูก คนที่เห็นผิดจะได้รู้ว่าความจริงคืออย่างไร ที่ถูกคืออย่างไร เป็นประโยชน์สำหรับเขาที่จะไม่ไปหาความเห็นอื่น
~ ฟังพระธรรมเมื่อไหร่ ก็คือ เป็นผู้เข้าใกล้คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อนั้น ไม่ไปสู่คำอื่น
~ ก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระปัจฉิมวาจา คำสุดท้ายของพระองค์ คือ จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ให้ถึงพร้อมหมายความว่า ฟังพระธรรมก็ต้องไม่ประมาทในความลึกซึ้งของพระธรรม เพราะถ้าประมาท ก็ไม่เข้าใจทันที.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ…