สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต [อัปปิยสูตร]
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญของการสนทนาพระสูตร
ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันเสาร์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๐
~ ลาภ คือ สิ่งที่ได้มา ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ปกติแล้วใครบ้างที่ไม่ติดข้อง?ทุกคนย่อมพอใจเป็นธรรมดา แต่การฟังธรรมเพื่อให้เข้าใจ เห็นโทษว่า ตราบใดที่ยังมีความติดข้องอยู่ ยังไม่พ้นจากการที่จะต้องตายแล้วเกิด ตายแล้วเกิดตลอดไป ไม่มีวันสิ้นสุดเลย แต่ละชาติที่ผ่านไปไม่เหลือเลย จะมีลาภสักเท่าไหร่ จะมียศสักเท่าไหร่ จะมีชื่อเสียงอะไรก็ตามแต่ แล้วอยู่ไหน? เพียงแค่เกิดปรากฏแล้วก็หมดไปเท่านั้น
~ ทุกคนยังมีความติดข้องในรูป ในเสียง ในรส ในโผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย) สิ่งที่ได้มาคือลาภ ก็เป็นที่ติดข้องยินดีพอใจ แต่ถ้ามีการฟังพระธรรมก็จะทำให้เรามีความเข้าใจว่า การที่เราติดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ในสิ่งที่เป็นลาภ ยศ สรรเสริญอะไรก็ตามแต่ เพราะเหตุว่ายังไม่เข้าใจในความเป็นธรรมจริงๆ ว่า แท้ที่จริงแล้ว ไม่มีอะไรเลย นอกจากธรรม
~ แค่ประโยคที่ว่า "ธรรมทั้งหลายทั้งปวง เป็นอนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน สัตว์บุคคล บังคับบัญชาไม่ได้) " ทำให้เห็นว่า พระสูตร ทั้งหมด พระวินัยทั้งหมด พระอภิธรรมทั้งหมด เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ธรรม (สิ่งที่มีจริง) ทั้งหมด ไม่ใชเรา
~ พิจารณาชีวิตประจำวัน เราเห็นแก่ตัวเองหรือว่าเราเห็นแก่ผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นลาภ ตั้งแต่ของรับประทาน (ของกิน) ของใช้ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมด เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่หรือว่าคิดถึงผู้อื่นบ้างหรือเปล่า? ไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา ทั้งหมด ย่อมมาจากจิต เพราะฉะนั้น เราจะสังเกตเห็นได้ว่า กาย วาจา ของแต่ละคนเป็นไปเพื่อตนเอง หรือว่า เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลส?
~ กิเลสมีมากมายมหาศาล ที่มีการฟังพระธรรมขณะนี้ รู้หรือเปล่าว่า เป็นความอดทนที่จะรู้จักสภาพธรรมที่เคยยึดถือว่าเป็นเรามานานแสนนานที่จะได้เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง
~ ผู้ที่กำลังฟังพระธรรมทั้งหมด เป็นผู้ที่ต้องการเข้าใจความจริง ซึ่งเป็นความถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องละความไม่รู้และละกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ที่จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งกล่าวถึงสภาพธรรมโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง เพราะฉะนั้น ประโยชน์อยู่ที่คนที่เข้าใจ
~ คนที่ยังไม่สามารถดับกิเลสได้ เป็นปุถุชน แต่ปุถุชนที่ฟังธรรมเข้าใจ เป็นกัลยาณปุถุชน เป็นคนที่ดีงามกว่าคนที่ไม่ได้ฟังธรรม เพราะมีความเข้าใจถูกมีความเห็นถูก สามารถที่จะรู้หนทางที่จะเป็นอยู่ในโลกนี้ด้วยความเป็นคนดี เพราะเหตุว่าสามารถที่จะเข้าใจธรรมได้จนกระทั่งสามารถที่จะขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้นจนกระทั่งสามารถนอกจากเป็นคนดีแล้วยังเป็นพระอริยบุคคลได้
~ สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุขใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นความเข้าใจถูกความเห็นถูก ซึ่งกิเลสที่มีมากในสังสารวัฏฏ์ซึ่งแต่ละคนประมาณไม่ได้เลย สามารถจะค่อยๆ ลดละคลายลงไปทีละเล็กทีละน้อยจนกว่าจะถึงอภิสมัย คือ สมัยที่สามารถจะรู้ความจริงของสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง ชาติแล้วชาติเล่า วันแล้ววันเล่า จนกระทั่งสามารถที่จะประจักษ์แจ้งความจริงว่าทุกคำที่ได้ฟัง เป็นสิ่งที่กำลังมีอยู่ในขณะนี้ที่สามารถจะเข้าใจได้
~ พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงเหตุว่า การกระทำเป็นที่ทุจริตต่างๆ ทำร้ายตัวเองและคนอื่น
เพราะฉะนั้น ไม่ได้นำมาซึ่งความสุขเลย เกิดก็เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เกิดในนรก เกิดเป็นเปรต เกิดเป็นอสุรกาย ทำร้ายตนเอง
~ ฟังธรรมเพื่อรู้ว่าเป็นธรรม เพื่อเข้าใจธรรม เท่านี้เอง สามารถถึงการดับกิเลสได้ เพราะรู้ว่าเป็นธรรม ฟังธรรมจนเป็นธรรมทั้งหมด ไม่มีเรา
~ ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นไปตามกรรมที่กระทำแล้ว จะไม่ให้อยู่ก็ไม่ได้ ใครจะไม่ให้เกิดได้ไหม? เพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่จะเกิดก็เกิดขึ้นเป็นไป แต่ให้เข้าใจให้ถูกต้องว่าเป็นธรรม คำนี้คำเดียวที่จะต้องเข้าใจขึ้น เมื่อเป็นธรรม ก็ไม่ใช่อะไรทั้งหมด นอกจากเป็นธรรม
~ ขณะใดที่เข้าใจ ขณะนั้นจะไม่มีอวิชชา (ความไม่รู้) ไม่มีกิเลสใดๆ แม้ความติดข้อง เพราะฉะนั้น กำลังฟังธรรมท่ามกลางอกุศล แต่ก็ไม่ต้องไปสนใจที่จะเป็นตัวตนที่จะไปละ แต่เข้าใจเมื่อไหร่ ความเข้าใจนั่นแหละกำลังทำหน้าที่ที่จะค่อยๆ ละ
~ ใครต้องการร้องไห้บ้าง ใครต้องการเสียใจบ้าง ใครต้องการเป็นทุกข์บ้าง? แต่ถ้ามีความยินดีพอใจ เมื่อสิ่งที่เป็นที่พอใจนั้นพลัดพรากจากไปก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีความอาลัย มีความเสียดาย มีความโศกเศร้า
~ ฟังพระธรรม ต้องรู้ว่าเป็นเรื่องละเท่านั้น เพราะว่ามีแต่สิ่งที่จะต้องละ อกุศลมากมายยังอยู่เต็ม
~ ความประพฤติที่ประเสริฐ คือ ในขณะที่เป็นกุศล
~ กุศล ขาดหิริ (ความละอายต่อบาป) โอตตัปปะ (ความเกรงกลัวต่อบาป) ไม่ได้ และ อกุศล ก็ขาดอหิริกะ (ความไม่ละอายต่อบาป) และอโนตตัปปะ (ความไม่เกรงกลัวต่อบาป) ไม่ได้ แต่สภาพธรรมที่จะคุ้มครองโลก ต้องเป็นหิริและโอตตัปปะ.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ...
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
สิ่งประเสริฐในชีวิตนี้ คือความเข้าใจความจริงจากพระธรรมที่ทรงแสดง
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณคณะวิทยากรทุกท่านค่ะ