ขอวิธี ทำให้เป็นคนนิ่ง ไม่สนใจใคร ไม่มีอาการหวง ไม่มีอาการอิจฉา
มีวิธี ทำให้เป็นคนนิ่ง ไม่สนใจใคร ใครจะดีจะได้ จะไม่ดีจะแย่ยังไง ก็ไม่รู้สึก ไม่มีอาการหวง อาการอิจฉา อาการอะไร ความรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยครับ
เพราะผมเคยกำหนดรู้แล้ว ว่าจะนิ่งไม่สนใจใคร ใครมาพูดด้วยก็พูดน้อยเข้าไว้ เพราะพูดเยอะก็มีแต่ปัญหา ใครจะดีใครจะได้ ก็ปล่อยเขา อย่ามีอาการอิจฉา หรือ หวงของ อะไรทั้งนั้น แต่ก็ทำไม่ได้ทุกที
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ตราบใดที่ยังมีกิเลส ที่ยังไม่ได้ดับและเป็นปุถุชน ก็ยังเป็นธรรมดาที่จะต้องมีกิเลสต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ดังนั้น หนทางการดับกิเลส ต้องใช้เวลายาวนานและต้องเป็นหนทางที่ถูกต้อง เพราะ แม้จะอบรมการเจริญฌานไม่เกิดกิเลสแต่ก็ชั่วคราว ไม่ใช่ทางดับกิเลสที่แท้จริง ที่เป็น มรรคมีองค์ 8 เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงหนทางการดับกิเลส คือ อริยมรรคมีองค์ 8 หรือ สติปัฏฐาน 4 ที่เป็นการรู้ความจริงของสภาพธรรม ไม่ว่ากิเลสเกิดขึ้น ปกติ เดือดร้อนว่าเป็นเราที่มีกิเลส แต่ หนทางที่ถูก คือ เข้าใจกิเลส ตามความเป็นจริงว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา การเข้าใจรู้ความจริงเช่นนี้ จนเกิดสติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงเช่นนั้น เป็นหนทางการละกิเลส คือ ละความเห็นผิดว่าเป็นเราก่อน จึงละกิเลสอื่นๆ ได้ตามลำดับ ครับ แต่ต้องอาศัยการฟัง และ อบรมปัญญาอย่างยาวนานนับชาติไม่ถ้วน ครับ
เชิญอ่านคำบรรยายท่านอ.สุจินต์ ดังนี้
จารุพรรณ มีผู้บ่นว่า พอฟังแล้ว อันนั้นก็เป็นโลภะ อันนี้ก็เป็นโทสะ รู้สึกว่าเป็นอกุศลทั้งวัน ชักจะท้อแล้ว เหมือนกับหมดกำลังใจ เกิดวิตกกังวล
สุ. สู้หลอกตัวเองว่าไม่มีไม่ได้ ใช่ไหมคะ อยากจะหลอกตัวเองต่อไป หรืออยากจะรู้ความจริง รู้จักตัวเองขึ้นให้ถูกต้อง วันนี้ตักตวงวัดอกุศลไม่ได้เลยว่า มากสักเท่าไร เพราะมากจริงๆ ชั่วขณะที่ฟังธรรมเป็นกุศล และขณะอื่นเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต สำหรับคนที่สะสมกุศลมามาก วันหนึ่งกุศลมีโอกาสเกิดได้บ่อย แต่ไม่ได้หมายความว่ามากเท่าอกุศล เพราะเหตุว่าทันทีที่ลืมตาก็โลภะแล้ว แล้วจะให้บอกว่าอย่างไร ถ้าเป็นพระอรหันต์ซิคะ ลืมตาแล้วไม่มีหรอกโลภะ แต่เมื่อยังไม่เป็นพระอรหันต์ ก็ต้องยอมรับตามความเป็นจริง การที่จะรักษาโรค ก็ต้องรู้สมุฏฐานของโรค ถ้าไม่รู้สมุฏฐานแล้วจะละอย่างไร คนที่ไม่มีปัญญารู้ความจริง ไม่มีทางที่จะดับทุกข์หรือดับกิเลสได้เลย เมื่อมีกิเลสแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเป็นกิเลส แล้วจะละกิเลสได้อย่างไร เมื่อไม่รู้ว่าเป็นกิเลส แต่ว่าผู้ที่รู้จักกิเลส สามารถละกิเลสได้ เพราะรู้ว่า กิเลสเป็นอย่างไร
ถ้ารู้ตัวเองว่าเป็นคนไม่ดี แล้วจะได้ทำดี กับคิดว่าตัวเองดีแล้ว พอแล้ว ก็ต่างกัน ใช่ไหมคะ ถ้าใครเขาบอกเราว่าไม่ดี เราจะรับไหมคะว่า จริงค่ะ ถูกค่ะ ไม่ดีจริงๆ เพราะตั้งแต่ลืมตาก็เป็นอกุศลมามากมายแล้ว
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุคคลผู้ที่ยังมีกิเลส ยังเต็มไปด้วยกิเลสนานาประการ มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ในชีวิตประจำวันจึงมีขณะที่ไม่สงบอย่างมากมาย เพราะเหตุว่า มีอกุศลจิตเกิดมากกว่ากุศล นี้เป็นธรรมดาของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ขณะใดที่จิตเป็นอกุศล ขณะนั้นย่อมไม่สงบ แต่ในทางตรงกันข้าม ขณะใดที่จิตเป็นกุศล ขณะนั้นย่อมสงบจากอกุศล เพราะกุศลกับอกุศล จะไม่เกิดร่วมกันอย่างเด็ดขาด
การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ย่อมเกื้อกูลต่อการเจริญขึ้นของกุศลธรรม เมื่อปัญญาเจริญขึ้น เพิ่มมากขึ้น ก็จะเป็นเหตุทำให้สงบจากกิเลส สงบจากอกุศล ตามระดับขั้นของความเข้าใจ จนกว่าจะถึงความเป็นผู้สงบจากกิเลส สงบจากอกุศล โดยประการทั้งปวง เมื่อบรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์ ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ