การอธิษฐานที่ถูกต้องควรเป็นเช่นไร
เรียน ท่านวิทยากร
เวลาเจริญกุศลต่างๆ แล้วอธิษฐานว่าขอให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้พิจารณาธรรม จนรู้แจ้งแทงตลอดในสัมปยุตธรรมรู้แจ้งแทงตลอดในอริยสัจ 4 บรรลุมรรคผลใดมรรคผลหนึ่งบนเทวโลกด้วยเถิด อย่างนี้เป็นกิเลสหรือไม่และที่ถูกต้องควรเป็นเช่นไรขอ
อนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก่อนอื่นก็เข้าใจ คำว่า อธิษฐานในพระพุทธศาสนาให้ถูกต้องก่อนครับ
ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง ตรง เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น คำว่า อธิษฐาน ในภาษาไทยที่เข้าใจกันนั้น หมายถึง การขอ แต่ตามหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาแล้ว หมายถึง ความตั้งใจมั่น ซึ่งเป็นความตั้งใจมั่น ไม่หวั่นไหว ในการที่จะสะสมคุณความดีประการต่างๆ เพราะเห็นโทษของอกุศล และเห็นคุณของกุศลธรรมด้วยปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้นจากการฟัง การศึกษาพระธรรมในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องของกุศลทั้งหมด และเป็นไปในการสละกิเลสทั้งสิ้น เพราะเหตุว่าจิตใจของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่นั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นอกุศลทั้งนั้น ถูกอกุศลกลุ้มรุมจิตใจอยู่เกือบจะตลอดเวลา เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่มีความตั้งใจมั่น ก็เป็นผู้ที่รู้ตัวว่ามีกิเลสมาก มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ที่ได้สะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ซึ่งจะต้องอาศัยความตั้งใจมั่นจริงๆ ในการเจริญกุศลประการต่างๆ เพื่อขัดเกลากิเลส มิฉะนั้นแล้วก็พลาดให้กับอกุศลทุกที อธิษฐาน ซึ่งเป็นความตั้งใจมั่นในการเจริญกุศล จึงเป็นปัจจัยให้กุศลเกิดขึ้นและสำเร็จได้ เป็นบารมี (ความดี) ที่ควรอบรมเจริญให้มีขึ้นในชีวิตประจำวันแต่ถ้าเป็นขอ อยากได้ในเรื่องหนึ่งเรื่องใดนั้น เป็นอกุศลจิตที่ประกอบด้วยโลภะ ความติดข้องต้องการ ไม่ใช่อธิษฐานในพระพุทธศาสนา ครับ
ดังนั้น การทำกุศลประการต่างๆ ไม่ใช่เพื่อลาภ ยศ สิ่งที่ใดๆ เลย แต่ทำกุศลด้วยเหตุ 2 ประการ คือ 1. อนุเคราะห์ผู้อื่น 2.เพื่อบูชาผู้อื่น บูชาคุณความดีเพราะฉะนั้นทำกุศล เพราะ เป็นกุศล ส่วนผลมีอยู่แล้ว เพราะ กุศลเมื่อสำเร็จ ย่อมให้ผลที่ดี แม้จะไม่ขอเลย ซึ่งกุศลจะมีผลมาก เพราะ เป็นจิตที่บริสุทธิ์ ไม่มีอกุศล คือโลภะ ความต้องการอยากได้บุญเกิดสลับขั้น ครับ
ทำความดี เพราะเป็นความดี เมื่อไม่หวังผล อยากได้ผล ก็ย่อมทำความดีสม่ำเสมอเพราะผู้ที่หวังผล อยากได้ เมื่อไม่ได้ ย่อมเลิกทำคุณความดี แต่ผู้ที่เห็นว่า ความดีเป็นสิ่งที่ีดี จึงมั่นคงในการทำความดี ครับ ดังนั้น แทนที่จะทำความดีแล้วขอ อธิษฐานเพราะผลมีอยู่แล้ว แม้ไม่ได้ขอ แต่ก็ทำความดี เห็นประโยชน์ของการทำความดี การสะสมอุปนิสัยที่ดี โดยการทำความดี สำคัญกว่าผลที่ได้ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงแสดงไว้เลยว่า ทุกอย่างจะสำเร็จมาจากการขอ แต่ต้องมีเหตุปัจจัย
ผู้ที่ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ นั้น ก่อนที่ท่านจะได้บรรลุนั้น ล้วนเป็น
ผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว สะสมการได้ยินได้ฟังพระธรรมมาแล้ว พร้อมกับเจริญ
กุศลประการต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ท่านมีความปรารถนาที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม และไม่ใช่เพียงเท่านั้น ยังสะสมเหตุที่จะทำให้ถึงการดับกิเลสด้วย ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากการบำเพ็ญบารมีประการต่างๆ ดังนั้น พุทธศาสนิกชน ก็ควรที่จะได้ดำเนินตามทางที่พระอริยบุคคลทั้งหลายได้ดำเนินมาแล้ว นั่นก็คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาและสะสมคุณความดีทุกประการ
ธรรมฝ่ายดี ที่เป็นกุศลธรรมในชีวิตประจำวันนั้น มีความละเอียดลึกซึ้งมาก ซึ่งเป็นธรรมที่เป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลส เพราะถ้าจิตไม่ได้เป็นไปในทางที่เป็นกุศลแล้ว วันหนึ่งๆ ก็มีแต่จะเพิ่มพูนกิเลส เพิ่มพูนอกุศลให้มีมากขึ้น ดังนั้น อธิษฐาน คือความตั้งใจมั่นในการเจริญกุศล ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาและเจริญกุศลประการต่างๆ เพราะเห็นโทษของความไม่ตั้งมั่นในกุศลธรรม เห็นโทษของการไม่มีความมั่นคงในการเจริญกุศลประการต่างๆ ทั้งหมด จึงไม่พ้นไปจากสภาพจิตที่ดีงามในขณะนั้นที่เห็นโทษของอกุศล เห็นคุณประโยชน์ของกุศล พร้อมทั้งถอยกลับจากอกุศลและเพิ่มพูนกุศลให้ยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นไปเพื่อการขัดเกลาละคลายกิเลสจนกว่าจะถึงการดับได้อย่างหมดสิ้นในที่สุด แต่ถ้าเป็นขออยากได้ในเรื่องหนึ่งเรื่องใดนั้น เป็นอกุศลจิตที่ประกอบด้วยโลภะ ความติดข้องต้องการ ไม่ใช่อธิษฐานในพระพุทธศาสนา ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...