พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบบุคคลเหมือนดอกบัวไว้ทั้งหมดกี่เหล่า?
ตามหัวข้อที่ตั้งเลยครับ สรุปมีกี่เหล่ากันแน่?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุคคล แบ่ง เป็น บัว ๔ เหล่า คือ
๑. อุคฆฏิตัญญูบุคคล - บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยฟังเพียงการยกหัวข้อธรรมขึ้นแสดงเท่านั้น
๒. วิปัญจิตัญญูบุคคล - บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยต้องอาศัยการขยายความแห่งหัวข้อธรรมโดยละเอียด (โดยพิสดาร)
๓. เนยยบุคคล -บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมโดยอาศัยการฟัง การศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ ทั้งโดยหัวข้อและโดยการขยายความให้ละเอียดจากกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา มีการสอบถาม มีการไตร่ตรอง พิจารณาโดยแยบคาย
๔. ปทปรมบุคคล บุคคลผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินั้นได้ แม้ว่าจะได้ฟังมาก ศึกษามาก สอนผู้อื่นมาก เป็นต้น
ดังนั้น เมื่ออ่าน พระสูตรใด ก็ต้องย้อนกลับไปที่พระสูตรนั้นครับว่า พระสูตรนั้น มุ่งหมายถึงอะไร ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรวจดูสัตว์โลกที่สามารถบรรลุธรรมได้ในชาตินั้นก็จะต้องแบ่งเป็น 3 จำพวก เท่านั้น ครับ แต่บุคคล ที่สามารถบรรลุธรรมได้ ไม่ว่าจะเป็นชาติปัจจุบัน หรือ ชาติหน้า แบ่งเป็น บัว ๔ เหล่า ตามที่กล่าวมา ซึ่งหลักฐาน การอธิบายในพระไตรปิฎก มีดังนี้ ครับ
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๔๘
อรรถกถามหาปทานสูตร
อธิบายว่า บัวบางเหล่าที่ตั้งขึ้นพ้นน้ำคอยรอสัมผัสแสงอาทิตย์แล้วบานในวันนี้.บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำจักบานในวันพรุ่งนี้. บางเหล่ายังจมอยู่ภายในน้ำอันน้ำเลี้ยงไว้จักบานในวันที่ ๓. แต่ว่ายังมีดอกบัวเป็นต้นที่มีโรคแม้เหล่าอื่นไม่ขึ้นพ้นจากน้ำแล้ว ดอกบัวเหล่าใด จักไม่บาน จักเป็นภักษาแห่งปลาและเต่าอย่างเดียว ดอกบัวเหล่านั้น ท่านไม่ควรนำขึ้นสู่บาลี ได้แสดงไว้ชัดแล้ว
บุคคล ๔ จำพวก คือ อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ ปทปรมะก็เปรียบเหมือนดอกบัว ๔ เหล่านั้นแล.
ในบุคคล ๔ จำพวกนั้น บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมพร้อมกับเวลาที่ท่านยกขึ้นแสดง ชื่อ อุคฆฏิตัญญู
บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมเมื่อท่านแจกความแห่งคำย่อโดยพิสดาร ชื่อว่า วิปจิตัญญู
บุคคลที่ตรัสรู้ธรรมโดยลำดับด้วยความพากเพียรท่องจำ ด้วยการไต่ถาม ด้วยทำไว้ในใจโดยแยบคาย ด้วยคบหาสมาคมกับกัลยาณมิตร ชื่อว่า เนยยะ
บุคคลที่ไม่ตรัสรู้ธรรมได้ในชาตินั้น แม้เรียนมาก ทรงไว้มาก สอนเขามาก ชื่อว่า ปทปรมะ.
ในบทนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดู หมื่นโลกธาตุ เช่นกับ ดอกบัว เป็นต้น ได้ทรงเห็นแล้วว่า บุคคลจำพวก อุคฆฏิตัญญู ดุจดอกบัวจะบานในวันนี้ บุคคลจำพวก วิปจิตัญู ดุจดอกบัวจักบานในวันพรุ่งนี้ บุคคลจำพวก เนยยะ ดุจดอกบัวจักบานในวันที่ ๓ บุคคลจำพวกปทปรมะ ดุจดอกบัวอันเป็นภักษาแห่งปลาและเต่า
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงเป็นผู้จำแนกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาคุณอนุเคราะห์เกื้อกูลสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ด้วยการแสดงพระธรรมที่เหมาะควรแก่อัธยาศัยของแต่ละบุคคล ผู้ที่ได้สั่งสมบารมีมาก็ได้ฟังและสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ส่วนผู้ที่ไม่ได้บรรลุ ก็สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเพื่อประโยชน์ในภายหน้าต่อไป จากการทรงแสดงพระธรรมของพระองค์ บางครั้งทรงยกเป็นอุทเทศ (หัวข้อ) ขึ้นแสดงเท่านั้น บางครั้งก็ทรงแสดงโดยละเอียด ซึ่งทั้งหมดทั้งปวง ก็เพื่อประโยชน์ของผู้ฟังอย่างแท้จริง เพราะจากการแสดงพระธรรมของพระองค์นั้น พระองค์ไม่ทรงหวังอะไรจากผู้ฟังแม้แต่น้อย นอกจากผู้ฟังจะเข้าใจเป็นปัญญาของตนเองเท่านั้น
บุคคลทั้ง ๔ ประเภทที่เปรียบเหมือนดอกบัว ๔ เหล่า นั้น ล้วนเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ตามกำลังปัญญาของแต่ละบุคคล ๓ บุคคลแรกเป็นผู้ที่ตรัสรู้ในชาตินั้น แต่บุคคลประเภทสุดท้าย คือ ปทปรมะ ยังไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินั้น บุคคลที่เป็นปทปรมะ ก็ต้องเป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ได้สะสมปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีให้กับตนเอง ที่จะเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้่า ถ้าไม่ได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก จะไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคล ในภายหน้าได้เลย
พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลผู้ที่ได้สะสมอบรมเจริญเหตุที่ดีมา นั่นก็คือ ได้สะสมการฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มา จึงมีโอกาสได้ฟังพระธรรม และ มีความเข้าใจไปตามลำดับ ครับ.
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ปทปรมะ ต้องเป็นผู้ที่ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า แต่ไม่บรรลุในชาตินั้นแต่สะสมไว้ภพหน้า ส่วนบุคคลที่ไปปฏิบัติผิดก็ไม่ใช่ปทปรมะเพราะไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมค่ะ