ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๖ 

 
khampan.a
วันที่  10 ก.ย. 2560
หมายเลข  29162
อ่าน  2,490

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๖



~ ต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็เห็นโทษเห็นภัยของอกุศลจริงๆ ว่า ถ้าวันนี้ยังไม่เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย วันต่อๆ ไป อกุศลก็ย่อมเพิ่มพูนขึ้น

~ ไม่ว่าจะพูดหรือทำ ล้วนเป็นไปในอำนาจของจิต ถ้าจิตใจดี มือเท้าก็เป็นไปในทางที่เป็นประโยชน์ มีการช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่น กระทำในสิ่งที่ดีงาม เป็นต้น แต่ถ้าเป็นอกุศลจิต คิดร้ายเบียดเบียนผู้อื่น มือเท้าก็ประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่น

~ ถ้าเราเป็นเพื่อนกับใคร จะสังเกตได้เลยว่า เราคิดถึงแต่จะให้ประโยชน์กับเขา ไม่เคยคิดที่จะเบียดเบียนทำร้ายเลย นั่นคือลักษณะของเพื่อนจริงๆ

~ ต้องเข้าใจ ว่าอะไรถูกอะไรผิดแล้วกล้าที่จะทำสิ่งที่ถูก ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกแล้วกลัวอะไร เพราะถูกต้อง แต่ถ้าผิดก็รีบแก้ไขเสีย เลิกเสีย เปลี่ยนเสีย หันกลับมาเป็นผู้ที่ตื่น ศึกษาธรรม เข้าใจธรรม แล้วก็รักษาพระศาสนาได้ โดยการที่เข้าใจทั้งพระธรรมและพระวินัย

~ พระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่วัดวาอาราม ไม่ได้อยู่ที่สิ่งก่อสร้างใดๆ แต่อยู่ที่ความเข้าใจของพุทธบริษัท ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ธรรมก็ลบเลือนแล้ว เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ จะถามว่า พระพุทธศาสนา อันตรธาน (ลบเลือน หายไป) หรือยัง? อันตรธานจากผู้ไม่ฟังพระธรรม เมื่อไหร่ที่ไม่มีการฟังพระธรรม ไม่มีการฟังพระธรรมต่อไป ก็ไม่มีผู้ใดเลยที่จะเป็นชาวพุทธที่แท้จริง

~ วันหนึ่งๆ จะเห็นได้ว่า ต้องอบรมเจริญกุศลต่อไปอีกๆ จนกว่ากุศลจะเพิ่มขึ้นๆ จริงๆ และในวันหนึ่งๆ ทุกคนซึ่งเป็นผู้ตรง ก็จะรู้ได้ว่า กุศลเกิดมากหรือน้อยเทียบกับเวลาของวันเวลาในวันหนึ่ง ตอนเช้ามีกุศลสักกี่ขณะ กี่เหตุการณ์ ตอนกลางวัน มีกุศลหรือเปล่า ตอนเย็นมีกุศลไหม หรือว่าโลภะบ้าง โทสะบ้าง และก็ความหวั่นไหวด้วยอคติ (ความลำเอียง) ต่างๆ บ้าง

~ ชาวพุทธควรจะได้ระลึกถึงหน้าที่ของตนในฐานะของชาวพุทธ ว่า ต้องศึกษาพระธรรม เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเห็นว่า เป็นคำสอนที่ประเสริฐยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ที่ควรจะศึกษาให้เข้าใจอย่างถูกต้องแล้วประพฤติปฏิบัติตามด้วย

~ การที่กุศลจะเจริญขึ้นได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นคุณจริงของกุศลธรรมที่จะเป็นไปเพื่อการขัดเกลาอกุศล จึงไม่ว่างเว้นจากโอกาสที่จะไดสะสมความดีในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของความดีประเภทใดก็ตาม

~ เหตุทั้งหลายต้องตรงกับผล หวังไปเถอะ แต่ว่าเหตุที่จะทำให้ความหวังเป็นจริง มีหรือเปล่า เพียงแค่หวัง แต่ไม่ฟังพระธรรมด้วยความละเอียด ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ว่า เพื่อเข้าใจจริงๆ ว่าขณะนี้เป็นธรรม ทั้งหมดของพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเพื่อเข้าใจถูกต้องว่าเป็นธรรมตั้งแต่เป็นปุถุชน เป็นกัลยาณปุถุชน เป็นพระอริยบุคคลจนถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็เพื่อรู้ว่าเป็นธรรม

~ การฟังพระธรรม ไม่ใช่การฟังเล่นๆ สบายๆ แต่เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่มีค่าที่หาไม่ได้ในชาติที่เกิดมาแล้วมีโอกาสได้ฟัง เพราะฉะนั้น เมื่อได้ฟังก็ต้องพิจารณาไตร่ตรอง ไม่ใช่คิดว่าง่าย หรือว่าสามารถที่จะกระทำได้โดยง่าย เพราะแต่ละคำเมื่อได้เข้าใจแล้วก็เห็นถึงความลึกซึ้งตามลำดับ

~ บรรพชิต มีศีลของพระภิกษุซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติด้วยพระองค์เอง เพื่อการขัดเกลากิเลส ถ้าไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่ได้ทรงบัญญัติไว้แล้ว ก็เป็นผู้ล่วงละเมิด ไม่เคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คฤหัสถ์รู้ตนเองดีว่าเป็นผู้ที่จะต้องขัดเกลากิเลสในเพศคฤหัสถ์ ไม่สามารถที่จะสละอาคารบ้านเรือนอย่างกับพระภิกษุได้ ก็เป็นผู้ที่ตรง ไม่ใช่ผู้ที่หลอกลวง แต่ถ้าเป็นพระภิกษุ ใครเห็นก็ต้องรู้ว่า นี่ ไม่ใช่คฤหัสถ์ เพราะฉะนั้น พระภิกษุจะมีศีลเท่ากับคฤหัสถ์ได้อย่างไร

~ ยุคนี้สมัยนี้ มีใครรังเกียจภิกษุทุศีลบ้าง หรือกราบไหว้และก็ส่งเสริม?

~ พระภิกษุ รู้ว่าจะสละละคลายความติดข้องในชีวิตของคฤหัสถ์ทั้งหมด ทั้งในรูป เสียง กลิ่น รส เงินทอง กิจกรรมหน้าที่ของคฤหัสถ์ ก็ทำไม่ได้ นั่นเป็นหน้าที่ของคฤหัสถ์ ไม่ใช่หน้าที่ของพระภิกษุ

~ ภิกษุที่ทำลายคำสอนของพระศาสนา ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ก็แสดงความไม่ตรง ความหลอกลวง ตั้งแต่ต้น ตลอดชีวิต แล้วจะไม่ให้ไปอบายภูมิหรือ?

~ ไม่ว่าจะเป็นภิกษุหรือคฤหัสถ์ ก็ตาม ที่เข้าใจธรรม ก็อบรมเจริญปัญญาในเพศของตน ถ้าคฤหัสถ์ใด ไม่สะสมมาที่จะสละอาคารบ้านเรือนที่จะดำรงเพศบรรพชิต ความเป็นผู้ที่ตรง ก็คือ ไม่บวช เพราะฉะนั้น ผู้ใดที่บวช ผู้นั้น ต้องสามารถที่จะขัดเกลากิเลสและศึกษาพระธรรม

~ คฤหัสถ์หรือบรรพชิต ไม่ว่าใครที่มีความเข้าใจถูกในพระธรรมวินัย ต้องมีความอดทน สำหรับคฤหัสถ์ก็อดทนที่จะรักษาพระธรรมวินัยโดยการศึกษาให้เข้าใจตรงตามพระธรรมวินัย ไม่บิดเบือน ไม่เข้าใจผิด เพื่อที่จะอุปการะอนุเคราะห์ช่วยเหลือคนอื่นให้เข้าใจถูกตามกำลังที่สามารถจะกระทำได้ นี่เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตที่เกิดมา และสำหรับผู้ที่เป็นบรรพชิต จะเป็นพระภิกษุก็ต่อเมื่อได้ศึกษาธรรมและประพฤติตามพระวินัย มิฉะนั้น ก็ไม่ใช่ภิกษุ และเป็นโทษอย่างยิ่ง ไม่ได้ดำรงพระศาสนาเลย แต่กลับทำลายพระศาสนา

~ พระภิกษุ ถ้าไม่รู้จักพระธรรมวินัยและไม่เคารพว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์ภิกษุด้วยการทรงพระบัญญัติ เพื่อที่จะให้พระภิกษุอยู่ได้ด้วยความสะดวกสบายไม่เดือดร้อน ก็ไม่ประพฤติปฏิบัติตาม (ซึ่งเป็นโทษโดยส่วนเดียว) แต่ถ้าผู้ใดเข้าใจจริงๆ ถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้นั้น เคารพในพระวินัยแล้วก็ศึกษาพระธรรม เพราะว่าจุดประสงค์ของการบวช เพื่อเข้าใจธรรม และความเข้าใจธรรม นั่นแหละก็จะทำให้ดำรงรักษาวินัยไว้ได้ ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง

~ ก่อนเผยแพร่พระธรรม ก่อนให้พระธรรมดำรงอยู่ ต้องศึกษาให้เข้าใจก่อน การที่เข้าใจผิดในพระธรรมวินัย เป็นการทำลายคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ คนส่วนใหญ่ ไม่ได้ศึกษาธรรม จึงไม่เข้าใจและไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คนที่ได้ฟังแล้วเข้าใจแล้ว ก็ทำทุกทางที่จะช่วยให้คนอื่นได้มีโอกาสได้เข้าใจด้วย

~ ถ้าเข้าใจธรรม ก็ยังคงมีหวังที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมและช่วยให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย ก็เป็นมหากุศล เป็นความหวังดี เป็นกัลยาณมิตร

~ ความอดทนเป็นบารมีที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ต้องอาศัยวิริยะ (ความเพียร) ด้วยความเมตตาด้วย ความหวังดีกับบุคคลอื่น และการที่จะต้องรู้จักประโยชน์อย่างยิ่งที่ว่าพระศาสนาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีทรงประกาศแล้ว ไม่ควรจะให้สิ้นสุดลงไป ไม่ใช่เรารักพระศาสนา แต่คุณค่ามหาศาลควรที่จะดำรงอยู่โดยผู้ที่ได้มีความเข้าใจแล้วที่จะได้อดทนทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับบุคคลอื่นต่อไป

~ การมีมิตรดีที่คอยแนะนำตักเตือน เมื่อเป็นโอกาสที่สมควร ก็ย่อมจะเป็นเหตุให้ไม่เกิดความเดือดร้อนใจได้ คือ ไม่มีความประพฤติทางกาย ทางวาจา ที่ไม่ถูกต้อง

~ ไม่อดทนที่จะรู้ความจริง แล้วจะพ้นจากทุกข์ได้อย่างไร.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๑๕

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มกร
วันที่ 10 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
mammam929
วันที่ 10 ก.ย. 2560

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์สุจินต์และอาจารย์วิทยากรที่มั่นคงในการเป็นกัลยาณมิตรผู้เกื้อกูลยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kukeart
วันที่ 10 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 10 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 10 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 10 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 10 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สิริพรรณ
วันที่ 10 ก.ย. 2560

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์เป็นอย่างสูงยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณกุศลจิตคณะวิทยากรทุกท่านด้วยความเคารพค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Patchanon
วันที่ 11 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
siraya
วันที่ 11 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
napachant
วันที่ 11 ก.ย. 2560

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jaturong
วันที่ 11 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 12 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ประสาน
วันที่ 13 ก.ย. 2560

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 14 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 18 ก.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ