ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ให้การต้อนรับและร่วมหารือกับผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ช่อง 11
ข่าวจากมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
เมื่อช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดี ที่ ๑๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ให้การต้อนรับและร่วมหารือกับ นางพรอัปสร นิลจินดา ผู้อำนวยการส่วนผลิตรายการ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 นายมานพ จิรกาญจน์ไพศาล นักสื่อสารมวลชนชำนาญการ และนางสาวจิตพิสุทธิ์ ไกรประสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบและวิเคราะห์รายการ ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง11 นายกิตติศักดิ์ หาญกล้า ที่ติดภารกิจ ไม่สามารถเดินทางมาร่วมประชุมหารือในวันนี้ได้
การประชุมหารือร่วมกันกับผู้บริหารของสถานีวิทยุโทรทัศน์ ช่อง 11 ในวันนี้ นอกจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาแล้ว ผู้เข้าร่วมประชุมหารือในส่วนของมูลธิฯ ยังประกอบไปด้วย ท่านพลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร กรรมการของมูลนิธิฯ พลตรี ดร.วีระ พลวัฒน์ กรรมการและเลขานุการของมูลนิธิฯ ท่านจักรกฤษณ์ เจนเจษฎา ผู้พิพากษาศาลอุทรณ์ ภาค ๗ พลเรือโทนพดล สุธัมสภา (อดีตเจ้ากรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ) คุณจริยา เจียมวิจิตร กรรมการกฤษฎีกา (อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา) คุณทักษพล เจียมวิจิตร กรรมการกฤษฎีกา เป็นต้น
ในวันนี้ ที่ประชุมได้มีการหารือถึงเรื่องของปัญหาของพระพุทธศาสนาในประเทศไทยซึ่งอยู่ในขั้นวิกฤติ จากความไม่รู้ ไม่เข้าใจในพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้มีการประพฤติปฏิบัติที่ผิดไปจากพระธรรมคำสอน เป็นการทำลายพระศาสนาให้เสื่อมสิ้นไปอย่างรวดเร็ว และลุกลามไปในวงกว้าง ซึ่งท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นหนึ่งในพุทธบริษัท ไม่อาจนิ่งเฉยต่อความเห็นผิดที่มีอยู่มากมายในขณะนี้ อันเป็นการบ่อนทำลายและเป็นอันตรายต่อพระศาสนาอย่างร้ายแรงยิ่ง จึงเห็นควรให้มีการปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอของรายการบ้านธัมมะ ให้มีความเข้มข้น ทันเหตุการณ์ รวมทั้งการนำเสนอความเห็นที่ถูกต้องในประเด็นต่างๆ ที่สังคมกำลังให้ความสนใจ ซึ่งมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนามีความพร้อมอย่างยิ่ง และสามารถเป็นเสาหลักให้แก่สังคมในการเผยแพร่ความเห็นที่ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัยที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้โดยตรงจากพระไตรปิฎก
"...โชคไม่ดีของสังคมไทย ผมถึงบอกว่า ท่านอาจารย์พร่ำสอนมาตลอด เป็นความรู้ที่คนไทยทุกคนที่เรียกตนเองว่าชาวพุทธควรได้รับฟังด้วยความเคารพอย่างยิ่งเป็นเวลานานแล้ว แต่ถูกเบียดบังด้วยคำสอนที่ผิดๆ เพี้ยนๆ กลบหมดเลย
ถึงเวลาแล้ว วันนี้ จุดเปลี่ยนของประเทศชาติ คนรุ่นใหม่เขาจะรับมรดกอะไรก็ไม่รู้ ถ้าคนรุ่นนี้เห็นแก่ตัว เอาตัวรอด ทอดธุระ แล้วก็อคติเป็นเจ้าเรือน เห็นแก่พวก เห็นแก่คนที่ตัวเองนับถือ ไม่เอาความดีไปนับถือ เสียชาติเกิด..."
(คำกล่าวบางตอนของ พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร)
ในช่วงท้ายของการหารือ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ย้ำถึงเจตนารมณ์ของท่านและมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาว่า มีความพร้อมในทุกเรื่องทุกประเด็นที่เป็นปัญหาของพระพุทธศาสนาในปัจจุบัน ท่านได้แจ้งแก่คณะผู้บริหารของสถานีวิทยุโทรทัศน์ ช่อง 11 ว่า ไม่ว่าจะมีผู้หนึ่งผู้ใด หรือคณะหนึ่งคณะใด ที่ต้องการความกระจ่าง ความถูกต้องในทุกเรื่องของพระพุทธศาสนา ทางมูลนิธิฯ ยินดี และมีความพร้อมอย่างยิ่ง ที่จะส่งวิทยากร ผู้รู้ จากทางมูลนิธิฯ ไปร่วมสนทนาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ตรงตามที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ในทุกรายการที่ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ ช่อง 11 แจ้งมา ท่านย้ำแล้วย้ำอีกในตอนท้ายว่า ท่านพร้อมและยินดีอย่างยิ่งที่จะตอบข้อสงสัยในทุกประเด็นปัญหาในทางพระพุทธศาสนา กับทุกบุคคล ทุกคณะบุคคล ที่ทางสถานีฯ จะจัดให้มีการนำเสนอในรายการต่างๆ ของทางสถานี ทั้งนี้ ก็เพื่อจุดประสงค์เพียงประการเดียวคือความเข้าใจที่ถูกต้องของทุกคน ในความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้
อนึ่ง ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจจากการที่ได้ศึกษาพระธรรมมาตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๙๙ จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า ๖๐ ปีแล้ว ท่านยังคงมุ่งมั่นในการแสดงความจริงจากการที่ได้ศึกษาและเข้าใจนั้น เพื่อผู้อื่นได้มีความเข้าใจด้วย โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
ปัจจุบัน ในวัย ๙๑ ปี นอกจากท่านจะรับเชิญไปสนทนาธรรมตามสถานที่ต่างๆ ภายในประเทศโดยไม่มีวันหยุดพักแล้ว (วันจันทร์ถึงศุกร์ ท่านรับเชิญไปสนทนาตามสถานที่ต่างๆ วันเสาร์และอาทิตย์ ท่านมาสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ และขณะนี้ทราบว่ามีผู้กราบเรียนเชิญท่านไปสนทนาธรรมตามสถานที่ต่างๆ ทั้งที่เวียดนาม มาเลเซีย และไต้หวัน เต็มยาวไปจนถึงปลายปีหน้าแล้ว) ท่านยังเมตตาให้เวลาเป็นพิเศษแก่ผู้สนใจชาวเวียดนามที่ทวีจำนวนผู้สนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปีหนึ่งๆ ท่านจะเดินทางไปเผยแพร่พระธรรมที่ประเทศเวียดนามมีกำหนด ๓ ครั้ง ครั้งหนึ่งเป็นระยะเวลาราวกึ่งเดือน ในสถานที่ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปในแต่ละครั้ง เช่น ในโฮจิมินท์ซิตี้ (ไซ่ง่อน) ในฮานอย ในฮอยอัน ในญาจาง ในดาลัท ในซาปา เป็นต้น และทุกท่านอาจไม่ทราบว่า ในวันรุ่งขึ้นของการเดินทางกลับจากการไปเผยแพร่พระธรรมที่เวียดนาม ไม่ว่าในครั้งนี้ที่เพิ่งผ่านไปซึ่งท่านเพิ่งเดินทางกลับมาจาก ฮานอยและมายโจหรือครั้งไหนๆ ก็ตาม เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทย ท่านไปสนทนาธรรมต่อตามที่ได้รับเชิญไว้ตามกำหนดในวันรุ่งขึ้นทันที โดยไม่เคยมีการหยุดพักเลย ยากที่จะหาผู้ใดกระทำได้ แต่ท่านได้ทำมานานกว่า ๖๐ ปีแล้ว เพียงเพื่อจุดประสงค์เดียวคือให้ทุกท่านได้มีความเข้าใจพระธรรมในหนทางที่ถูกต้องตรงตามที่ทรงมีพระมหากรุณาแสดงไว้แก่สัตว์โลก ซึ่งแม้จะเป็นการยากยิ่งสำหรับบุคคลที่ไม่ได้สะสมความเข้าใจมา แต่ท่านก็ไม่เคยละความพยายามอันยิ่งนั้นเลย ยิ่งไปกว่านั้น ท่านกลับยิ่งหาวีธีการในทุกๆ ทางเพื่อเผยแพร่ความเข้าใจความจริงที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ให้เข้าถึงสาธารณชนให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ นี้เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเมตตาและความเสียสละอย่างยิ่ง ไม่เพียงต่อพระศาสนาเท่านั้น แต่ยังเพื่อประเทศชาติและทุกคนที่มีความสนใจในโลกอีกด้วย เพราะเหตุว่า ประเทศชาติจะมีไม่ได้เลยถ้าไม่ประกอบไปด้วยประชาชนแต่ละคนรวมกัน และแต่ละประเทศรวมกันก็เป็นโลกที่เราอยู่อาศัย ซึ่งท่านอาจารย์กล่าวว่า ประเทศชาติและโลกนี้จะมีความสงบสุขได้ตามที่ทุกคนปรารถนา ก็ด้วยการที่ทุกคนมีความเข้าใจธรรมะเท่านั้น เพราะความเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้องตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้นเอง จะทำให้ทุกคนเป็นคนดีแน่นอน
อนึ่ง การประชุมหารือร่วมกันระหว่างคณะผู้บริหารของสถานีวิทยุโทรทัศน์ ช่อง 11 กับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และคณะ ในวันนี้ เป็นไปด้วยความราบรื่น เรียบร้อย เป็นที่น่าอนุโมทนายิ่ง หากทุกคนในชาติร่วมกันศึกษาเข้าใจและร่วมกันเผยแพร่พระธรรมวินัยที่ถูกต้องตรงตามที่ทรงมีพระมหากรุณาประกาศไว้ดีแล้วนั้น ย่อมจะได้เห็นความวัฒนาสถาพรของพระศาสนาคือคำสอนจากการทรงตรัสรู้และทรงแสดง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งใดในสากลจักรวาลนี้ มั่นคงยั่งยืนสืบไป ในหนทางที่ถูกต้องจริงๆ ไม่ใช่ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยความเห็นผิดไปจากพระธรรมคำสอนที่ได้ทรงแสดงไว้ อยากบวชเป็นภิกษุแต่ไม่เข้าใจ ไม่เคารพและไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่ได้ทรงบัญญัติไว้ รับเงินและทอง ประพฤติชั่ว มีชีวิตสุขสบายดังเช่นคฤหัสถ์ ตั้งสำนักปฏิบัติธรรม ซึ่งล้วนเป็นการบ่อนทำลายพระศาสนาทั้งสิ้น เพราะไม่ได้ทำให้ทุกคนที่ไป มีความรู้ความเข้าใจอะไรเลย ทั้งยังทำให้มีความเห็นผิดว่า พระพุทธศาสนาคือการไปทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้มีความรู้ หรือการไปนั่ง ไปเดิน ไปทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ เพราะเหตุว่า ความรู้ความเข้าใจความจริงของชีวิตจากการทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น จะเกิดมีได้ก็ด้วยการฟังพระธรรมที่ถูกต้องเท่านั้น ไม่ใช่ด้วยการนึกคิดเอาเอง ด้วยความไม่รู้ ด้วยความเห็นผิด ด้วยความติดข้องและต้องการ อย่างที่ทำๆ กันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งผู้สอนก็สอนด้วยความไม่รู้ ไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจอย่างถูกต้อง แล้วยังนำเอาความเห็นผิดนั้นไปสอนผู้อื่น การกระทำเช่นนี้ นอกจากจะเป็นโทษภัยมหันต์แก่ตนเองที่ทำให้ผู้อื่นมีความเห็นผิดไปจากพระธรรมคำสอนแล้ว ยังเป็นภัยที่ร้ายแรงต่อพระพุทธศาสนาอีกด้วย นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ตระหนักถึงโทษภัยนี้ อันจะนำพระศาสนาไปสู่ความล่มสลายในที่สุด
ชีวิตของแต่ละบุคคลนี้แสนสั้น การได้ศึกษาและเข้าใจในความจริงของชีวิตจากการที่ทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้ด้วยพระมหากรุณานั้นเป็นสิ่งที่ประเสริฐอย่างยิ่ง และเมื่อเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะที่มีโอกาสทำความดีเพื่อพระศาสนา เผยแพร่ความเข้าใจที่ถูกต้องไปสู่สาธารณชนในวงกว้าง ย่อมเป็นโอกาสอันเลิศและหาได้ยากยิ่งในชีวิตหนึ่งๆ ของบุคคลในสังสารวัฏฏ์อันยาวนานนี้ และหากยังเป็นผู้ที่ยังอยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่สามารถสนับสนุน ส่งเสริมให้สาธารณชนได้มีความเข้าใจถูกต้องในคำสอนซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาด้วยแล้ว ยิ่งจะเป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติอย่างที่สุด เพราะเหตุว่า การกระทำความดีเพื่อผู้อื่นโดยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยความปรารถนาดี ด้วยความเสียสละ โดยไม่หวังผลตอบแทนใด นอกจากจะให้สาธารณชนหมู่มากมีความเข้าใจที่ถูกต้องในพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นสิ่งที่ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้ จะยังคงมีโอกาสเช่นว่านี้อยู่อีกหรือไม่?
ในตอนท้าย ขอนุญาตนำความบางตอนที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กล่าวในที่ประชุม มาเผยแพร่ให้ได้ทราบโดยทั่วกันดังนี้...
"...การขยายของเรายังไม่พอ เราทำทุกอย่าง มีทุกอย่าง อย่างที่ทุกคนต้องการ ไม่ว่าจะเป็นพระวินัย พระสูตร หรือพระทั้งหลายที่ทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ไม่ตรงตามพระวินัย เชื้อเชิญการสนทนามาทุกรูปแบบ เพื่อที่ว่า เราจะได้ร่วมกันสะสาง แล้วก็ทำให้ถูกต้อง!! ถ้ายิ่งขยายไปมากเท่าไหร่ ประโยชน์ก็มากเท่านั้น
ถ้าเราช่วยกันทุกทางเพิ่มขึ้นไปอีก เราก็มีกำลัง แล้วจะประโยชน์อะไรเท่ากับความเข้าใจถูกต้องในพระธรรมวินัย!! ช่วยทั้งประเทศชาติ ถึงองค์กรหรืออะไรๆ อื่นก็เหมือนกัน
เพราะว่า อย่างไร คนที่เขาเข้าใจผิด แล้วจะปล่อยให้เขาเข้าใจผิดหรือ? หรือว่า ถ้าสามารถที่จะให้เขาเข้าใจถูกได้ เราทำ!! เขาจะรับหรือไม่รับ เรื่องของเขา แต่เราจะทำ!!!..."
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ปฏิจฉันนสูตร
"...ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้ เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง ๓ อย่างเป็นไฉน คือ ดวงจันทร์ เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง ๑ ดวงอาทิตย์ เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง ๑ ธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศไว้แล้ว เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง ๑
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สิ่ง ๓ อย่างนี้แล เปิดเผยจึงรุ่งเรือง ปิดบังไม่รุ่งเรือง
"...ขโณ โว มา อุปจฺจคา : ขณะอย่าล่วงท่านทั้งหลายไปเสีย..."
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพ กราบอนุโมทนาค่ะ
มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่รู้ความจริงขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่เมตตา
เป็นคุณประโยชน์ต่อโลกนี้ ประเทศนี้ อย่างแท้จริง
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ฯ เป็นอย่างยิ่ง
และขออนุโมทนาในการเจริญกุศลที่ยากยิ่งครั้งนี้ของทุกๆ ท่านครับ
ขอร่วมสนับสนุนในการเผยแพร่คำของพระพุทธเจ้า (พระธรรม และพระวินัย) ที่ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
กราบขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ สาธุ