ผิดจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็นำไปสู่ทางผิดทั้งหมด
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญ
การสนทนาพิเศษ เรื่อง " พระธรรมวินัย กับมหาเถรสมาคม" ครั้งที่ ๑
ประเด็น "ไม่มีสำนักปฏิบัติธรรมในพระธรรมวินัย"
ที่บ้านคุณทักษพล – คุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๐
(ภาพขณะสนทนา)
~ ถ้าไม่มีพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สัตว์โลกไม่มีทางที่จะพ้นจากความมืดบอดเพราะไม่รู้ความจริง คิดเอาเองว่าสบายใจเมื่อไหร่ก็สงบเมื่อนั้น ไม่สบายใจเมื่อไหร่ก็ไม่สงบ แต่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น สิ่งที่ชาวบ้านคิด ไม่ใช่สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
~ ชอบที่จะให้สบายใจ ชอบที่จะให้สงบ ขณะนั้นเดือดร้อน เพราะแสวงหาที่จะให้สงบ ก็ไม่รู้
~ สงบจริงๆ คือ ทุกขณะที่จิตผ่องใส ปราศจากอกุศล
~ ต้องการความสงบโดยไม่รู้ว่าความสงบคืออะไร แล้วยังแสวงหา ลำบากไหมตอนแสวงหา จิตใจสงบหรือเปล่า กระวนกระวายเดือดร้อน เกิดความพอใจอย่างยิ่ง ติดข้องอย่างมาก ทั้งหมด คือ ความติดของทั้งนั้น หารู้ไม่ว่า เมื่อปราศจากสิ่งนั้นเมื่อไหร่ เป็นทุกข์ทันที ซึ่งแท้ที่จริง ก็คือ แสวงหาทุกข์ แสวงหาเหตุที่จะให้เกิดทุกข์ แต่เข้าใจผิด ว่า ตลอดเวลานั้นสงบ
~ พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนของผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ความจริง ทุกคำทำให้เกิดความเข้าใจถูก ความเข้าใจถูกไม่ได้นำความทุกข์มาให้เลย เพราะเป็นความถูกต้อง นั่นคือ สงบ
~ แสวงหาอย่างอื่นที่คิดว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้สงบ แต่ตราบใดที่ยังไม่รู้จักความสงบ ไม่มีทางที่จะสงบได้ เข้าใจ (ผิด) ว่าสงบ แต่ไม่ใช่ความสงบ
~ ถ้าประกาศหรือกล่าวว่า เป็นการกระทำตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง นั่นคือ ผิด เป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะไม่ทำให้มีความเข้าใจถูกอะไรเลย
~ ขณะที่สงบ ขณะนั้น ไม่มีโลภะความติดข้อง ไม่มีโทสะความขุ่นเคืองใจ เพราะขณะที่เกิดความติดข้องหรือเกิดความไม่พอใจ ก็เพราะความไม่รู้ ที่จะละความไม่รู้ ก็เพราะรู้ ตราบใดที่ยังไม่รู้ ก็ต้องติดข้อง ไม่มีหนทางใดเลยที่จะละ ก็ต้องเป็นไปตามกิเลสประการต่างๆ แต่เพราะรู้ (ปัญญา) จึงค่อยๆ ละลายกิเลสทั้งหลายได้ กิเลสทั้งหลายดับไม่ได้ คลายไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความรู้
~ ความเคารพเกิดจากใจ แม้ไม่สามารถเคลื่อนไหวกายได้ ก็เคารพได้ แต่ต้องดูว่าเคารพในอะไร ต้องละเอียดถึงอย่างนั้น ว่า เคารพอะไร
~ สำนักปฏิบัติ ก็คือ สำนักที่ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา กล่าวคือ ไม่เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย
~ ใส่เสื้อผ้าสีอื่น ฟังธรรมได้ไหม เข้าใจธรรมได้ไหม คนที่ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในครั้งพุทธกาล แต่งสีอะไร (ก็ตามควรแก่ความเป็นคฤหัสถ์ นั้นๆ)
~ คำใดที่ผิดจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำไปสู่ทางผิดทั้งหมด
~ ผิดตั้งแต่ต้น เข้าใจผิดตั้งแต่ต้นแล้ว จะนำไปสู่ความถูกต้องได้อย่างไร
~ ปฏิบัติธรรมที่ไหนได้หมด เมื่อมีปัญญา ที่ไหนก็ได้ ในครัวก็ได้ ตามถนนหนทางก็ได้ทุกแห่ง ไฉนจึงมีสำนักปฏิบัติสำหรับจะปฏิบัติ นี่ก็ผิดแล้ว ไม่รู้ความเป็นอนัตตา (ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร) ของสภาพธรรมว่า ถ้าไม่มีเหตุปัจจัย ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้
~ ผิดตั้งแต่คำแรกเลยที่บอกว่าให้ลืมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมดจึงจะปฏิบัติธรรมได้ ผู้นั้นคือใครที่จะกล่าวอย่างนั้น ย่อมเป็นผู้ไม่เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่ง เป็นผู้ไม่รู้คุณของพระธรรมแต่ละคำ ถึงกับกล้ากล่าวว่าให้ลืมคำสอนให้หมด แทนที่จะบอกว่าให้จำ (ด้วยความเข้าใจ) ให้มั่นคง ไม่ควรที่จะลืมเลยในทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งกว่าจะ (มีความเข้าใจที่) มั่นคงได้ แต่กลับไปบอกว่าให้ลืมให้หมด นี่ก็ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว
~ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ใครๆ ก็ทำไม่ได้ นอกจากสิ่งนั้นเกิดเพราะมีปัจจัยที่จะให้เกิดขึ้นเป็นไป ถ้าบอกว่าเดินช้าๆ แล้วเกิดสติ ผู้นั้นไม่รู้จักสติ และอาจารย์ที่บอก ก็ไม่รู้จักสติด้วย
~ ธรรมคืออะไร (ธรรม คือ สิ่งที่มีจริงๆ) ถ้าไม่เริ่มจากตรงนี้ ก็จะไม่รู้อะไร เพราะเหตุว่า ไม่รู้จักธรรม
~ การอบรมเจริญปัญญาจะต้องเป็นผู้ที่ระแวดระวัง ว่า สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด ถ้าไม่รู้ว่าสิ่งใด ผิด ก็ละไม่ได้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะละ ถ้าไม่มีความรู้ที่ถูกต้องก็ละไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะศึกษาธรรมมาก มีบริวารมาก มียศมาก สอนมากด้วย แต่ปฏิบัติผิด เพราะเข้าใจผิด
~ จะรู้ว่าสิ่งใดผิดหรือถูก ก็ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
~ ปัญญาจะมาจากไหน ถ้าไม่ได้มาจากการอบรมทีละเล็กทีละน้อย จะเอาปัญญาระดับสูงมาจากไหน ถ้าไม่มีความเข้าใจตั้งแต่ขั้นต้น
~ หนทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นหนทางแห่งการดับกิเลส
~ ทุกสิ่งทุกอย่างสะสมอยู่ในจิต ทำให้แต่ละคนมีความแตกต่างกันออกไป ถ้าไม่มีการฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่มีทางออกจากสังสารวัฏฏ์ได้เลย
~ ใครๆ ก็ทำลายพระพุทธศาสนาไม่ได้ นอกจากคนที่อ้างตนเองว่าเป็นชาวพุทธ แต่ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจอะไรเลย
~ ทำไมพระสัมมาสัมพระเจ้าจึงทรงแสดงบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ไว้ เพราะความจริงรู้ได้ยาก อกุศลธรรมทั้งหลาย ไม่สามารถรู้ความจริงได้ ต้องเป็นคุณความดีที่เป็นไปพร้อมกับปัญญาเท่านั้น ที่จะรู้ความจริงได้
~ ยังไม่รู้ ตราบใดที่ยังไม่ได้ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ ด้วยความเป็นผู้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง
~ ขณะใดที่เข้าใจเข้าใจธรรม (ธรรมคือสิ่งที่มีจริง) ขณะนั้น สงบไหม เข้าใจธรรมเมื่อไหร่ ระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม เพราะถ้าไม่มีการบำเพ็ญพระบารมีและตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็จะไม่ได้ยินแม้แต่คำเดียวที่เป็นพระธรรมคำสอนของพระองค์
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม จะระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างไร
~ ไม่มีคำว่าสำนักปฎิบัติในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะสำนักปฏิบัติเป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ถ้าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ตั้งแต่ต้น ประโยชน์ก็ต้องเพิ่มมากยิ่งขึ้น
~ ต้องไม่ดื้อด้าน เมื่อไม่รู้ ก็ควรศึกษาให้รู้เท่านั้นที่จะดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ ถ้าตราบใดที่ยังไม่ศึกษา (พระธรรม) กัน ก็ยังไม่รู้ต่อไป ไม่มีทางที่จะดำรงพระพุทธศาสนาต่อไปได้
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
โดยเฉพาะเจ้าของบ้าน และ ทีมงานบันทึกภาพ