ภิกษุ เป็นเพศที่ขัดเกลากิเลสอย่างยิ่ง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญของการสนทนาพิเศษ เรื่อง
"พระธรรมวินัย กับ มหาเถรสมาคม" (ต่อ)
ในประเด็น ภิกษุกับการใช้เครื่องมือสื่อสาร
ที่บ้านคุณทักษพล และ คุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐
(ภาพขณะสนทนา)
(ทีมงานที่บันทึกการถ่ายทำการสนทนาพิเศษในครั้งนี้)
~ ต้องเป็นผู้ได้ฟังพระธรรมและเข้าใจพระธรรม มิฉะนั้น ทำไมถึงจะต้องเปลี่ยนจากเพศคฤหัสถ์ไปเป็นเพศบรรพชิตซึ่งแสดงถึงความต่างกันอย่างยิ่ง คือ ต้องเป็นผู้ที่รู้จักกิเลสและเห็นโทษของกิเลสและขัดเกลากิเลส ด้วยการที่ว่ารู้ว่าหนทางเดียวที่จะขัดเกลากิเลสได้ ต้องมีความเข้าใจธรรม เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดับกิเลสและทรงแสดงพระธรรมให้คนอื่นได้เข้าใจเพื่อที่จะได้ดับกิเลสด้วย ถ้าการบวชไม่ใช่เป็นไปเพื่อการดับกิเลสแล้วจะมีประโยชน์อะไร
~ มีปัญญา เห็นโทษของกิเลสอย่างยิ่ง จึงสามารถที่จะสละชีวิตของคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิตตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงอนุญาตให้สามารถที่จะอุปสมบท (บวช) เพื่อที่จะประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลสตามพระองค์ที่ได้ทรงขัดเกลาแล้ว
~ ที่น่าคิดก็คือว่า สละอาคารบ้านเรือน สละเพศคฤหัสถ์กันทำไม ต้องมีจุดประสงค์ว่าสละทำไม ถ้าไม่ใช่เพื่อการขัดเกลากิเลสประพฤติอย่างพระภิกษุหรือว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ ก็คือรู้ว่า จะละคลายกิเลส ถ้าไม่ใช่เพื่อมุ่งการละคลายกิเลส ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปบวชเป็นเพศบรรพชิต เพราะเป็นคฤหัสถ์ก็ฟังธรรมได้ เข้าใจได้ ขัดเกลากิเลสได้
~ ปัญญาสามารถจะเห็นความต่างกันของการมีชีวิตอย่างคฤหัสถ์และบรรพชิต มิฉะนั้น จะมีชีวิตอย่างบรรพชิตเป็นภิกษุและสามเณร ไม่ได้ จึงต้องเป็นผู้มีปัญญาจริงๆ
~ เป็นภิกษุโดยไม่ศึกษาพระธรรมได้ไหม (ไม่ได้) เป็นภิกษุโดยไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ ได้ไหม (ไม่ได้)
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม ไม่มีทางนำกิเลสออกได้เลย
~ ที่เรากล่าวถึงพระธรรมวินัยทั้งหมด ก็ด้วยความเคารพ เป็นการบูชาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระรัตนตรัย
~ สำหรับคฤหัสถ์ไม่เหมือนบรรพชิต ขัดเกลากิเลสด้วยปัญญาและมีชีวิตในเพศของคฤหัสถ์ แต่สำหรับบรรพชิตต้องขัดเกลากิเลสด้วยปัญญาและต้องเป็นผู้ประพฤติตามสิกขาบทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ มิฉะนั้น จะไม่มีความต่างกันเลยระหว่างคฤหัสถ์กับบรรพชิต
~ ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่จะเปลี่ยนคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงตรัสรู้ได้ตรัสไว้ดีแล้ว ไม่ได้
~ พระภิกษุทำกิจที่ใหญ่หลวงกว่าคฤหัสถ์ เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย แล้วทำไมถึงจะไปมีชีวิตเหมือนอย่างคฤหัสถ์และสละสิ่งที่สูงค่าคือการที่จะศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจเพื่อที่จะอนุเคราะห์ชาวโลกซึ่งเขากำลังคลุกคลีด้วยวิทยาการต่างๆ ให้เขาได้มีความความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ ชีวิตคลุกคลีทุกวันด้วยกิเลส ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ พอเห็นแล้วก็คลุกคลีด้วยใจที่มีความยินดีติดข้องในสิ่งนั้น เพราะฉะนั้น สำหรับโลกยุคปัจจุบัน ก็ยิ่งเพิ่มพูนความคลุกคลีกันใหญ่ ก็คือ คลุกคลีกับกิเลส กิเลสนั่นแหละ ที่ทำให้คลุกคลี
~ ไม่ว่าในยุคใดสมัยใด ก็ต้องคำนึงถึงว่า ภิกษุ คือใคร คือ ผู้ที่มีปัญญาเห็นโทษของกิเลส สละความเป็นคฤหัสถ์แล้วจะมีชีวิตเหมือนอย่างคฤหัสถ์อีกได้อย่างไร
~ ที่ไม่ลืม ก็คือว่า เพศคฤหัสถ์ต่ำกว่าเพศบรรพชิตมาก หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง ใครก็ตามที่มีความเข้าใจธรรมอย่างมั่นคง มีศรัทธาอย่างยิ่ง ถึงกับสามารถสละเพศคฤหัสถ์ มีกำเนิดใหม่ โดยศีลของพระภิกษุ ควรแก่การกราบไหว้บูชา ไม่ควรที่จะเอาภิกษุท่านมาเกี่ยวข้องกับชีวิตของคฤหัสถ์อีกเลย สิ่งใดที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้แล้ว เปลี่ยนไม่ได้ ก็ต้องช่วยกันทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามพระธรรมวินัย
~ ภิกษุที่ขอเป็นเพื่อนกับคฤหัสถ์ ทาง Facebook ก็เท่ากับขอเพิ่มกิเลส เพราะคลุกคลีด้วยกิเลส
~ สิ่งเดียวที่จะไม่ทำให้เพิ่มกิเลส ก็คือ เข้าใจธรรม ด้วยเหตุนี้ธุระของพระภิกษุที่เป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลส ก็คือ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ
~ ถ้าพระภิกษุมัวทำกิจของคฤหัสถ์ แล้วจะเอาเวลาไหนที่จะมาเข้าใจธรรม
~ ภิกษุ กับ เงินและทอง ต้องห่างไกลกัน เพศภิกษุต้องเป็นเพศที่ไม่ยินดีในเงินและทอง
~ ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน กาลไหน จะยามสงบหรือยามวิบัติ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง ทุกกาลสมัย
~ ถ้าเข้าใจว่าใครก็ตามที่กล่าวถึงพระธรรมวินัยด้วยความเคารพด้วยการศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ เป็นคนใจแคบ เขาก็ต้องว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคนใจแคบ เขาลืมว่าทุกคำที่เรากล่าว เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นถ้าเขากล่าวคำใดที่เกี่ยวกับคำที่เราได้กล่าวแล้วว่า ไม่ถูกต้อง เขา ก็คือว่า กล่าวว่า พระสัมมาสัมพระเจ้า ไม่ถูกต้อง
~ มีข้อไหนในพระธรรมวินัยที่พระสัมมาสัมพระเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุรวมตัวกันเพื่อเปลี่ยนแปลงพระธรรมวินัยที่ได้ทรงบัญญัติไว้ ถ้ามีการรวมตัวกันเพื่อเปลี่ยนแปลงพระธรรมวินัย ก็คือ ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย เขากำลังประกาศความไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย เป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ภิกษุที่ไม่รักษาพระธรรมวินัย ตายแล้วไปไหน (ไปอบายภูมิ) แล้วทำไมถึงไม่เห็นภัย
~ ความจริงและความถูกต้อง เป็นสิ่งที่ควรกล้าที่จะเข้าใจ จะต้องเป็นผู้ที่กล้าที่จะเคารพ ดำรง รักษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งยากแสนยากจะมี ยากแสนยากที่จะได้ฟัง เมื่อได้ฟังแล้ว ก็รู้ว่า คุณค่ามหาศาล
~ พุทธบริษัทหรือชาวพุทธจริงๆ ก็คือผู้มีปัญญาที่จะสามารถเข้าใจในความถูกต้องและความจริงตามพระธรรมวินัย.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์และอนุโมทนากุศลจิตของทุกท่านค่ะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง.
กราบอนุโมทนาพี่ทักษพล และพี่จริยา เจียมวิจิตร ที่เอื้อเฟื้อ สถานที่ สำหรับเผยแพร่ธรรมที่ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย.
กราบขออนุโมทนาในกุศลของคณะอาจารย์วิทยากรทุกท่าน และทีมงานทุกๆ คนค่ะ
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง.
ขออนุโมทนาคุณลุงทักษพล และคุณป้าจริยา เจียมวิจิตร ที่เอื้อเฟื้อสถานที่สำหรับเผยแพร่ธรรมที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยที่แท้จริง ประทับใจประโยคนี้มากครับ...
~ ไม่ว่าในยุคใดสมัยใด ก็ต้องคำนึงถึงว่า ภิกษุ คือใคร คือ ผู้ที่มีปัญญาเห็นโทษของกิเลส สละความเป็นคฤหัสถ์แล้วจะมีชีวิตเหมือนอย่างคฤหัสถ์อีกได้อย่างไร ซึ่งจริงๆ แล้วก็รวมถึงสามเณร (ตามพระธรรมวินัย) ด้วย
ขออนุโมทนาในกุศลของคณะอาจารย์วิทยากรทุกท่าน และทีมงานทุกๆ คนครับ