ขอเรียนถามท่านอาจารย์ครับ คำว่า พอเพียง ควรเข้าใจอย่างไรจึงจะถูกต้องครับ
คำว่า พอเพียง ความเข้าใจจริงๆ ที่ถูกต้อง ของคำนี้ มีความหมายที่ลึกซึ้ง ละเอียดอย่างไรครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พอเพียง ตามมีตามได้ ไม่เดือดร้อน
ท่าน อ. สุจินต์ ตามมี ขณะนี้มีอะไร มีจิตรึเปล่า มีเจตสิกรึเปล่า เปลี่ยนจากที่ มี ขณะนี้ให้เป็นอย่างอื่นได้มั้ย รึว่าทุกขณะเนี่ยค่ะ ต้องมีเหตุ ถ้าไม่มี เหตุที่จะให้จิตเป็นอย่างนี้นะคะ จิตเป็นอย่างนี้ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตามมี ขณะนี้ ซึ่งมีเพราะมีเหตุที่ได้กระทำแล้วในอดีต
ตามได้ เดี๋ยวเดือดร้อนมั้ยคะ จะรับประทานอะไร มีอย่างที่เราชอบรึเปล่า เผ็ดไปบ้างรึเปล่านะคะ ก็อาจจะเป็นได้ แต่ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ แล้ว..ตามได้แล้วแต่ว่าจะได้อะไรทางลิ้น จะได้อะไรทางตา แต่ไม่ได้หมายความว่า ได้แบบเป็นของเรา นะคะ แต่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส แม้คิดนึกเนี่ยค่ะ ผู้ที่สะสมปัญญามามากนะคะ ท่านก็คิดนึก หยั่งลงไปได้มากในความจริงของธรรมะ แต่ผู้ที่ไม่ได้ สะสมมาถึงระดับนั้น ตามได้ ที่ได้สะสมมาก็คือว่า แม้แต่จะคิดหรือจะเข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้ฟังเนี่ย ค่ะ ก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
เมื่อเข้าใจแล้วเป็นปัญญาได้มั้ยคะ แม้แต่เพียง ตามมี ตามได้ ตามเหตุที่ได้กระทำแล้ว เพราะฉะนั้น เราจะ หวั่นไหวมั้ย ถ้าบางขณะเนี่ย เราก็ได้สิ่งที่ไม่น่าพอใจนะคะ หรือบางขณะเราก็ได้สิ่งที่น่าพอใจ ก็เป็นไปตามเหตุชั่วคราวเท่านั้นเอง ถ้ามีปัญญาอย่างนี้ พอเพียง มั้ยคะ ตามกำลังของ กรรมที่ได้กระทำมาแล้ว ก็เป็นเหตุที่จะทำให้ไม่ เดือดร้อน เพราะฉะนั้น เมื่อมีปัญญาแล้วก็จะทำให้คลายความทุกข์และการยึดถือลงไปได้ แต่เท่านี้ยังไม่พอค่ะ ต้องถึงการที่จะรู้ว่า แม้เหตุนั้นๆ ก็เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เป็น บุคคล เป็นธรรมะแต่ละลักษณะ...เท่านั้นเอง สิ่งที่ได้นั่นก็ตามเหตุตามปัจจัย คือตามมีตามได้จริงๆ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีทุกระดับขั้น ไม่ใช่ว่าจะมีเฉพาะระดับขั้นที่เป็นโลกุตตระ คือ ดับกิเลสได้เด็ดขาด เท่านั้น ทรงแสดงไว้ตั้งแต่ขั้นต้น ว่าสิ่งใดที่เป็นเพื่อความเจริญในปัจจุบัน ไม่เดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตของผู้ที่เป็นคฤหัสถ์ การที่จะมีความสุขได้นั้น ก็จะต้องเป็นผู้มีทรัพย์ ซึ่งเกิดจากการแสวงหาโดยสุจริต ชอบธรรม ไม่คดโกง ไม่ทุจริต ไม่แสวงหาในทางที่ผิด รู้จักใช้จ่ายทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนและแก่ผู้อื่น ไม่ต้องเป็นหนี้สินใคร และที่สำคัญจะต้องเป็นผู้กระทำงานที่ไม่มีโทษ ซึ่งก็คือ การกระทำในสิ่งที่ดีทุกประการ แม้แต่ในเรื่องของอาชีพการงาน ก็ละเว้นอาชีพทุจริตทุกประเภท ด้วย นอกจากนั้น ก็มีหลักธรรมมากมายที่อุปการะเกื้อกูลให้ชีวิตดำเนินไป อย่างไม่เดือดร้อน คือ ขยันหาทรัพย์ เมื่อหาทรัพย์มาได้แล้ว ก็รู้จักเก็บรักษาเพื่อประโยชน์ในด้านต่างๆ รู้จักคบเพื่อนที่ดีงาม และ เลี้ยงชีพอย่างพอเหมาะ ไม่ให้ฟุ่มเฟือยนัก ไม่ให้ฝืดเคืองนัก ทั้งหมดทั้งปวงนั้น จะทำให้ชีวิตเป็นไปอย่างมีความสุข และจะอุปการะให้ได้เจริญกุศลประการต่างๆ มีการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมทรัพย์ที่ประเสริฐ เป็นต้น โดยไม่ต้องมีความกังวลในเรื่องความเป็นอยู่เลย เพราะมีชีวิตที่เป็นสุขแล้ว ซึ่งก็ย่อมจะขึ้นอยู่กับการสะสมมาของแต่ละบุคคลด้วย ว่าจะเห็นคุณประโยชน์ของกุศลธรรมมากน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละคนเป็นแต่ละหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
การศึกษาพระธรรมของพระสัมมาสัมพุุทธเจ้าจะต้องละเอียดจริงๆ จึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนา ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์