ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ไม่ใช่ภิกษุ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาพิเศษ
เรื่อง พระธรรมวินัย กับ มหาเถรสมาคม (ต่อ)
ที่บ้านคุณทักษพล - คุณจริยา เจียมวิจิตร
วันศุกร์ ที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
(ภาพขณะสนทนา)
(ทีมงานที่บันทึกเทปการสนทนาพิเศษในครั้งนี้)
~ ชาวพุทธ ก็ต้องเข้าใจธรรม ไม่ใช่ว่าคฤหัสถ์ชาวพุทธไม่รู้ว่าพระภิกษุคือใคร และผู้ที่บวชเป็นพระภิกษุ ก็ไม่รู้ว่าพระภิกษุในธรรมวินัยคือใคร เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งซึ่งเพราะความไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านธรรมดาหรือว่าพระภิกษุเองก็ไม่สนใจที่จะรู้ความจริงว่าความเป็นพระภิกษุนั้นยากและบริสุทธิ์ สะอาด เพราะเหตุว่าเป็นผู้ที่จะขัดเกลากิเลสประพฤติปฏิบัติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ภิกษุใดไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย นั่นไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย ไม่ใช่ศากยบุตร พูดง่ายๆ ก็คือไม่ใช่พระ
~ ก็เป็นหน้าที่ของผู้ที่ได้เข้าใจธรรมแล้วที่จะเปิดเผยความจริงให้รู้กันทั่วว่า ภิกษุในธรรมวินัยคือใคร ไม่ใช่ที่เรามองเห็นพฤติกรรมที่ไม่ได้เข้าใจพระธรรมเลยแล้วก็ไม่ศึกษาพระธรรมด้วยแล้วก็ไม่ขัดเกลากิเลสด้วย
~ พระธรรม เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ ลึกซึ้งมาก ต้องมีความเคารพอย่างสูงสุด ไม่ใช่ว่าใครจะดึงใครวิธีไหนก็ได้ ดึงเขามาทำอะไร ดึงให้คนมาฟังเรื่องตลก นั่นหรือคือพระภิกษุ?
~ ถ้าเรากล่าวถึงพระธรรมวินัยให้ชัดเจน คนก็จะได้รู้ว่าพระภิกษุในธรรมวินัยคือใคร แล้วควรจะได้ตระหนักว่าไม่ใช่ว่าใครที่ทำให้คนหัวเราะตลกขบขัน หรือว่า เล่น LINE เล่น Facebook หรือ ออนไลน์ต่างๆ จะเป็นภิกษุ ไม่ใช่เลย เพราะนั่นไม่ใช่ความสงบ
~ พูดธรรม ตลก อย่างนั้นไม่ใช่พระภิกษุ ไม่ใช่กิจของพระภิกษุที่จะไปคลายเครียดใคร กิจของพระภิกษุ ก็คือ ศึกษาพระธรรมวินัย ถ้าพระภิกษุไม่ศึกษาพระธรรมวินัยแล้วจะให้ใครศึกษา เพราะว่า ชาวบ้านก็มีกิจธุระของชาวบ้าน มีหน้าที่การงานต่างๆ มากมาย แต่ผู้ที่สละเพศคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิตแล้ว ย่อมสละชีวิตและเวลาทั้งหมดเพื่อศึกษาพระธรรม เพราะฉะนั้น เมื่อมีการศึกษาพระธรรมเข้าใจแล้วก็อนุเคราะห์ผู้ที่ไม่มีเวลาพอที่จะได้ศึกษามากอย่างพระภิกษุ ให้มีความเข้าใจพระธรรม ละเอียดขึ้น ถูกต้องขึ้น นั่นคือ ภิกษุในธรรมวินัย
~ พระภิกษุที่พูดธรรมตลก แสดงความเป็นบาปในใจ จึงล่วงออกมาเป็นคำพูด (ที่ไม่เหมาะสม)
~ ก็ขอให้ประชาชนตัดสิน ว่า ภิกษุในธรรมวินัย จะต้องประพฤติปฏิบัติตามสิกขาบทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ ซึ่งละเอียดยิ่ง
~ เคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไหม คำใดที่พระองค์ตรัสไว้แล้วเปลี่ยนไม่ได้ ใครที่คิดจะแก้ไขคำของพระองค์ เขาเคารพสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า?
~ ชาวบ้าน ก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ว่า จะมีพระภิกษุแบบไหน จะมีพระภิกษุแบบตลก มีพระภิกษุแบบไม่ปฏิบัติขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ไม่ศึกษาธรรมด้วย ไม่เข้าใจธรรมด้วย ลองคิดดูว่าภิกษุสมัยนี้ทำอะไรบ้าง เล่น LINE เล่น Facebook เหมือนชาวบ้าน นั่นหรือคือพระภิกษุ ก็เป็นความผิดของพุทธบริษัทที่ละเลยต่อการที่จะเข้าใจธรรมให้ถูกต้องแล้วก็ดำรงพระศาสนา เพราะฉะนั้น ก็ถึงเวลาที่ผู้ที่เคารพนับถือพระรัตนตรัย นับถือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจถูกต้อง ทั้งพระธรรมและพระวินัย มิฉะนั้น ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขอะไรได้เลย
~ ถึงเวลาที่เราควรที่จะได้กล่าวถึงความถูกต้องให้ผู้ที่คิดว่าพระพุทธศาสนามีค่าสูงสุดได้ดำรงต่อไป ให้ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง มิฉะนั้นแล้ว ก็คือ เป็นการช่วยกันทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งพระธรรมและพระวินัย
~ หนทางเดียวที่จะดำรงรักษาพระพุทธศาสนา ก็คือ ต้องเข้าใจทั้งพระธรรมและพระวินัย
~ พระภิกษุดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร ก็ต้องอาศัย (ศรัทธาของ) ชาวบ้าน เพราะฉะนั้น ถ้าชาวบ้านเห็นว่าพระภิกษุ ประพฤติไม่เหมาะไม่ควร แล้วจะไปทะนุบำรุงให้ไปทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรต่อไปได้อย่างไร
~ แสดงธรรมก็คือแสดงให้คนได้เข้าใจธรรม เพราะขณะนั้น เป็นธรรม แต่เพราะไม่รู้ว่าเป็นธรรม จึงต้องแสดงธรรมให้เข้าใจถูกต้อง ว่า นั่นเป็นธรรม นั่นคือผู้แสดงธรรม ซึ่งเป็นผู้ที่พูดความจริงในสิ่งที่กำลังมี ให้คนอื่นได้เข้าใจอย่างถูกต้อง
~ ทางที่ถูก แทนที่จะทำกฐิน (ที่ไม่ถูกต้อง) และแทนที่จะเอากฐินไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินเรื่องทองถวายพระภิกษุ ก็เอาเงินนั้นไปบำรุงประเทศชาติได้หลายทาง เช่น สร้างโรงพยาบาล สมทบค่าเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น ทำไมไม่คิดหาทางที่จะทำให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เพราะว่าพระภิกษุเกี่ยวข้องกับเงินทอง ไม่ได้
~ คฤหัสถ์ ก็สามารถนำเงินไปให้โรงพยาบาลได้เลย ไม่ต้องเอามาให้วัด ไม่ต้องเอามาให้พระภิกษุ ทำไมต้องทำไปเป็นทอดๆ แล้วก็ผิดพระวินัยด้วย
~ ความห่วงใยภิกษุ ก็สามารถที่จะทำได้ โดยการที่ให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในพระธรรมวินัย ถึงจะชื่อว่าเป็นความห่วงใยทั้งพระธรรมวินัยและภิกษุบุคคลด้วย เพราะว่า ถ้าพระภิกษุทำผิดพระวินัย ไม่พ้นอบายภูมิ
~ บุญคือความดี ทำได้ทุกวัน อะไรก็ได้ เล็กๆ น้อยๆ นิดๆ หน่อยๆ ที่เป็นความดี เป็นบุญ ทั้งหมด วันนี้ มีเวลาที่จะทำบุญได้ตั้งเยอะแยะ ถ้าเข้าใจ
~ ถ้าไม่ได้ทำความดี ก็บาปแล้วทั้งนั้น แล้วก็ยังทำบาปใหญ่อีก คือ ทำลายพระพุทธศาสนา ด้วยความที่เข้าใจผิด คิดว่าบาปเป็นบุญ เพราะฉะนั้น ก็เป็นการเพิ่มโทษให้กับชีวิตในแต่ละวัน
~ ธรรมเป็นธรรม ซึ่งคนไม่เข้าใจ เมื่อมีผู้ที่ได้ศึกษาแล้วเข้าใจแล้ว ก็กล่าวความจริงตามที่ได้เข้าใจถูกต้อง เพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น นั่นคือแสดงความเป็นธรรมให้คนอื่นได้เข้าใจให้ถูกต้อง จึงใช้คำว่าแสดงธรรม คือ การแสดงความเป็นจริงของธรรม เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้พูดเรื่องของธรรม ก็ไม่ใช่การแสดงธรรม
~ ธรรมทุกคำที่ผู้พูดต้องการให้ผู้ฟังเข้าใจ ได้รู้ความจริง ขณะนั้นเป็นกุศลจิต เป็นจิตที่ดีทำให้มีคำพูดนั้นออกมา ทำให้คนอื่นได้พิจารณาได้ไตร่ตรองให้เข้าใจ
~ ถ้าพระภิกษุ ไม่รู้พระธรรมวินัย ก็เท่ากับไม่เคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะว่า ความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ด้วยความเข้าใจพระธรรม
~ ต้องเข้าใจธรรม จึงจะประพฤติตามธรรมได้ เมื่อประพฤติตามธรรมแล้ว มีหรือที่ธรรมที่เป็นกุศลจะไม่คุ้มครองคนนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ก็ตรงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม ถ้าไม่เข้าใจธรรมจะประพฤติตามธรรมได้ไหม ผู้ที่ได้ประพฤติตามธรรม เพราะได้เข้าใจธรรม รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไร เป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล เพราะฉะนั้น ปัญญานำไปในกิจทั้งปวง (ที่เป็นกุศล)
~ มีคนเอาพระเครื่องมาให้ กับ ให้ความเข้าใจธรรม จะเลือกอย่างไหน (เลือกความเข้าใจธรรม) ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นมงคล นำมาซึ่งความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจถูกมาเลยในสังสารวัฏฏ์
~ พระภิกษุในสมัยพุทธกาลอยู่ได้โดยไม่มีเงิน ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหากัสสปะ ท่านทั้งหลายก็อยู่ต่อกันมาโดยที่ว่าไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง นี่สำหรับผู้ที่เคารพระธรรมวินัย
~ สูงสุดของกำลังใจ คือ มีปัญญาได้เข้าใจความจริงตามความเป็นจริง
~ ชีวิตที่พอเพียงในการที่จะดำรงชีวิตเป็นพระภิกษุในพระธรรมวินัย ก็ต้องตามพระธรรมวินัย
~ ไม่มีวัตถุมงคลในพระพุทธศาสนา.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขอนุโมทนาที่ได้เผยแพร่คำจริงค่ะ