สาบานแล้วถอนคำพูด
เคยพูดสาบานต่อหน้าพระ ว่าอยากจะบวชตลอดชีวิตเพราะอารมณ์เบื่อหน่ายในตอนนั้น แต่ผมกลับมาคิดว่าตัวเองนั้นมีภาระที่ต้องทำหลายอย่าง เลยคิดแล้วแหละว่าคงทำไม่ได้แน่นอน แต่ผมพูดออกไปแล้ว ตอนนี้ทั้งเป็นทุกข์ เครียด เลยครับ ตอนนี้ ไม่รู้จะทำยังไง เคยไหว้พระสวดมนต์ ขอถอนคำพูดแล้วแต่ความรู้สึกผมก็ยังครึ่งๆ กลางๆ อยู่ ขอคำปรึกษาหน่อยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สบายใจได้เลย ครับ เพราะการบวช เป็นเรื่องยาก เมื่อไม่มีอัธยาศัยน้อมไปในการที่จะศึกษพระธรรมอบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตจริงๆ ย่อมไม่ควรที่จะดำรงอยู่ในเพศบรรพชิต หรือ ไม่ควรที่จะก้าวเข้าไปสู่เพศที่สูงยิ่ง ซึ่งจะต้องมีความประพฤติคล้อยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกประการ เพราะถ้าเข้าไปแล้ว ไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ กล่าวคือ ไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ไม่มีความเข้าใจธรรม ไม่ได้รักษาสิกขาบทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบัญญัติ แม้ว่าจะบวชตลอดชีวิต ก็ต้องผิดตลอดชีวิต เพราะไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเลย ซึ่งไม่เป็นสิ่งที่ดีเลย นอกจากจะเป็นโทษกับตนเองที่ทำทางให้ตนเองไปเกิดในอบายภูมิแล้ว (อันเนื่องมาจากล่วงละเมิดพระวินัย มีโทษติดตัว ตายไปชาติหน้าก็เกิดในอบายภูมิเท่านั้น) ยังเป็นโทษในการทำลายพระธรรมวินัยที่บริสุทธิ์ยิ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วย เป็นโทษโดยส่วนเดียว
ดังนั้น ขณะนี้ ไม่ได้บวชเป็นพระภิกษุ แต่เป็นคฤหัสถ์ ซึ่งมีชีวิตเป็นไปตามปกติของคฤหัสถ์ ก็ขอให้เป็นคฤหัสถ์ที่ดี ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด พร้อมทั้งฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมความดีในเพศของคฤหัสถ์ ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ ก็ย่อมประเสริฐกว่าการไปบวชโดยที่ไม่ได้มีความเข้าใจอะไรเลย
ดังนั้น คำที่กล่าวไปแล้วก็กล่าวไปแล้ว เป็นการกล่าวไปด้วยความไม่รู้ความจริง ซึ่งก็ผ่านไปหมดแล้ว สำคัญที่ขณะนี้ คือ ตั้งใจทำดีและศึกษาพระธรรม ต่อไป ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบคุณมากๆ ที่ให้คำปรึกษาตอนนี้ผมสบายใจแล้วครับ ผมจะตั้งใจเป็นคนดีของสังคมนะครับ
คำแนะนำของอาจารย์คำปั่น ไพเราะมากครับ คำสาบานใดที่ไม่เข้าท่า ก็ปล่อยไปเลย แบกไว้ทำไม
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด