การบรรเทาความคิดที่ว่าการมีชีวิตอยู่นั้นเป็นความสุขทำได้อย่างไรคะ

 
fleppe_jeen
วันที่  24 พ.ย. 2560
หมายเลข  29328
อ่าน  1,489

มนุษย์เราชอบคิดว่าการมีชีวิตอยู่เป็นความสุข จึงทำให้ไม่อยากตาย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 25 พ.ย. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเปลี่ยนความคิดที่ผิด ไปสู่ความคิดที่ถูก ก็คือ การได้ฟังคำที่ถูกต้องนั่นคือ คำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ชีวิตที่คิดว่าสุข แท้ที่จริง ทุกข์ ทุกข์ มีแต่ธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป ไม่เที่ยง สิ่งที่ไม่เที่ยง จะเป็นสุขไม่ได้เลย จึงเป็นทุกข์ เพราะเกิดขึ้นและดับไป เพราะฉะนั้นก็ต้องอาศัยการฟังคำของพระพุทธเจ้า ก็จะค่อยๆ เข้าใจความจริง จึงรู้ความจริงของสัจจะ ว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
worrasak
วันที่ 25 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 25 พ.ย. 2560

[เล่มที่ 21] ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุคคลผู้ที่ยังมีอวิชชา ยังมีความไม่รู้ เป็นเครื่องปกปิดไว้ จึงทำให้มีความติดข้องยินดี พอใจ ในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทำให้ไม่เห็นว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏชั่วคราวแล้วก็หมดไปเท่านั้น กล่าวได้ว่าเป็นการแสวงในสิ่งที่ไม่ประเสริฐ เพราะได้มาแล้วทำให้ติดข้องยินดีพอใจ และที่สำคัญ เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว บุคคลไม่สามารถนำเอาทุกอย่างเหล่านี้ไปในภพหน้าได้ เลย ต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ มีแต่การสะสม ทั้งที่ดีและไม่ดี เท่านั้นจะติดตัวไปได้ ในชาตินี้ ยังมีกิเลสมาก และปัญญาก็ยังไม่เจริญ ถ้าไม่ได้สะสมเหตุที่ดีบ่อยๆ เนืองๆ โดยเฉพาะการฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน แล้ว ก็ย่อมจะเป็นโอกาสของอกุศลที่พร้อมจะเกิดขึ้นครอบงำจิตใจอยู่ตลอดเวลา และอาจจะตายไปพร้อมกับความไม่รู้ก็เป็นได้

ดังนั้น เมื่อยังมีชีวิตอยู่ จึงควรอย่างยิ่งที่จะสะสมลาภที่ประเสริฐ นั่นก็คือ การฟังพระธรรม ซึ่งจะทำให้เกิดปัญญา ทำให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ไปตามลำดับ และอีกประการหนึ่งที่ควรพิจารณา คือ สิ่งที่ได้มาแล้วเกิดความติดข้อง ยินดี พอใจกับการที่ได้มีความเข้าใจถูกแล้วไม่ติดข้องในสิ่งที่ได้มา ทั้งสองอย่างนี้ มีความต่างกันกล่าวคือ การไม่ติดข้อง ย่อมจะประเสริฐกว่า เพราะเหตุว่า จะหลีกเลี่ยงลาภ ยศสรรเสริญ สุข นั้น ย่อมไม่ได้ เพราะเป็นไปตามเหตุปัจจัย แต่ว่ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง

รู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นสิ่งที่ชั่วคราวจริงๆ เกิดแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามเมื่อไม่ติดข้อง จึงไม่ทำให้มีความเดือดร้อนใจ อีกด้วย ทั้งหมดทั้งปวง นี้จึงเป็นเรื่องของความเข้าใจถูก เห็นถูกจริงๆ (ปัญญา) ซึ่งเกิดจากการฟังพระธรรม นั่นเอง ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 26 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
thilda
วันที่ 26 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
p.methanawingmai
วันที่ 26 พ.ย. 2560

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
kullawat
วันที่ 27 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 28 พ.ย. 2560

มีชีวิตอยู่เพื่อสะสมความเข้าใจธรรมะ เพื่อทำความดี เพื่อขัดเกลากิเลส เป็นชีวิตที่มีความสุขค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
2491surin
วันที่ 28 พ.ย. 2560

ขอบพระคุุณและขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ