ตราบใดที่ยังไม่ใช่อนัตตา
แอบหวัง หรือวิธีใดๆ ด้วยความเป็นเรา แต่ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจ ไม่ใช่ให้ทำ ธรรมเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง รู้ตามได้ยาก ต้องอาศัยการฟังให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงขณะนี้ ซึ่งเกิดแล้ว ดับไปตามเหตุปัจจัย ไม่มีใครทำอะไรได้เลย บางครั้งแค่คิดว่า รูปธรรมหยาบกว่านามธรรม เลยอยากรู้รูปธรรมก่อนหรือเปล่า รูปธรรมหยาบกว่านามธรรม แต่ไม่ใช่รู้ง่ายกว่านามธรรม แค่ทางตา สิ่งที่ปรากฏทางตาซึ่งเป็นรูปธรรม รู้ง่ายไหม? คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่ว่ารูปธรรมหยาบกว่านามธรรม แล้วรู้ง่ายกว่า เลยจะรู้รูปธรรมก่อน อย่างนามธรรมที่หยาบ เช่น โทสะ เสียใจอย่างนี้ เช่น ร้องไห้อย่างนี้ น้ำตาหยด ไม่ง่ายหรือ? ร้องไห้น้ำตาไหล แม้แต่คนที่เศร้าโศกถึงขนาดนั้นยังรู้เลย รูปธรรมหยาบกว่านามธรรม แล้วรู้ได้ไหม แล้วนามธรรมที่หยาบล่ะ ร้องไห้ ใจนี่เศร้าโศกขนาดไหน เศร้าโศกระดับมีน้ำตาไหลออกมาได้ ไม่รู้เลยหรือ อยู่ที่ปัญญา ถ้าตราบใดที่ยังไม่ใช่ อนัตตา ในความคิดว่า อย่างโน้น อย่างนี้ ก็ไม่มีทางที่จะรู้ เพราะความเป็นตัวตนเร็วมาก ปิดบังทันที เพียงแค่ความคิดนิดเดียว นำมาสู่การที่จะเลือกแล้ว เพียงแค่คิดว่ารูปธรรมรู้ง่ายกว่า ชีวิตประจำวัน เริ่มมาแล้ว จะรู้รูปธรรมใช่ไหม
รูปธรรมหยาบ และรู้ง่ายไหมตามความเป็นจริง ก็ไม่ง่าย ไม่ต้องไปเลือกเลย เพียงให้รู้ตามจริงว่า ธรรมทุกอย่าง ลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ได้ และสำหรับนามธรรม และรูปธรรม รูปธรรมหยาบกว่าเท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่ว่า พอได้ยินอย่างนี้ ใจของเราคล้อยไปแล้วที่อยากจะรู้รูปธรรมเป็นอย่างไร หรือแม้แต่ คิด ว่ารู้ง่ายกว่า แล้วเวลาเจ็บอย่างนี้ อะไรจะรู้ง่ายกว่า เพราะฉะนั้น จะไปเลือก จะไปคิดทำไมว่าที่หยาบรู้ง่ายกว่า
การที่เรารู้ว่า ธรรมทุกอย่างลึกซึ้ง ละเอียด แล้วแต่การสะสมแต่ละคน บางคนรู้รูป บางคนรู้นาม อันไหนจะเป็นปัจจัยให้ เข้าใกล้ ความเป็น อนัตตา โดยที่ ขณะนั้นไม่มีใจที่จะน้อมไปที่จะรูปธรรมก่อนเพราะว่า หยาบกว่านามธรรม.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ...